อาหารจิ้งหรีดนวัตกรรมแมลงเศรษฐกิจโต
โดย...ทีมข่าวธุรกิจติดดาว
โดย...ทีมข่าวธุรกิจติดดาว
บรรดาแมลงทอด ถือเป็นหนึ่งในอาหารทานเล่นยอดนิยมของคนไทย โดยผลการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า แนวโน้มการบริโภคแมลงทอดของคนไทยเป็นของว่างเพิ่มสูงขึ้น โดยแมลงทอดยอดนิยมมีด้วยกัน 8 ชนิด ได้แก่ จิ้งโกร่ง จิ้งหรีด ดักแด้ไหม ตั๊กแตนปาทังก้า ตัวอ่อนของต่อ แมลงกิน แมงป่อง และหนอนไม้ไผ่
ธุรกิจติดดาวสัปดาห์นี้จึงพาไปพบกับนวัตกรรมอาหารจิ้งหรีด หนึ่งในแมลงยอดนิยมในการบริโภค โดยนวัตกรรมดังกล่าวพัฒนาโดยบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดโดยเฉพาะในเขตภาคอีสาน
ชายันต์ คำมา กิจการขายอาหารสัตว์ภาคอีสาน บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมทางด้านอาหารสัตว์ ซึ่งมีส่วนผลักดันให้กระบวนการผลิตและการจัดการเป็นไปอย่างมีมาตรฐานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“ปีนี้ถือเป็นปีครบรอบ 60 ปี ของธุรกิจขายอาหารสัตว์ และพันธุ์สัตว์ของซีพีเอฟ โดยหลังจากนี้จะไม่หยุดนิ่งที่จะคิดค้น และจะพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง”
สำหรับนวัตกรรมล่าสุด “อาหารจิ้งหรีดเอราวัณ จี1 และ จี5” เป็นการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด โดยการที่จิ้งหรีดเป็นหนึ่งในแมลงยอดนิยมในการบริโภค ทำให้จิ้งหรีดกลายเป็นแมลงเศรษฐกิจที่สำคัญ ในปัจจุบันการเลี้ยงจิ้งหรีดจึงกลายเป็นอาชีพเสริม และอาชีพหลักของเกษตรกรชาวอีสาน
ทั้งนี้ การเลี้ยงจิ้งหรีด มีรูปแบบการเลี้ยงที่ไม่ยุ่งยาก หากแต่อาหารที่ใช้เลี้ยงยังไม่ตรงกับความต้องการของจิ้งหรีด โดยใช้อาหารไก่เนื้อ ไก่พื้นเมือง นกกระทา หรือผักและวัตถุดิบตามธรรมชาติในการเลี้ยง ทำให้ซีพีเอฟเห็นโอกาสการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตจิ้งหรีดจากการได้รับอาหารที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจิ้งหรีด
ทางด้านมูลค่าเพิ่มของนวัตกรรมอาหารจิ้งหรีด จี1 จี5” สามารถสร้างยอดขายที่ 200 ตันต่อเดือน คิดเป็นมูลค่าขาย 3.5 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 42 ล้านบาทต่อปี และยังมีโอกาสสร้างยอดขายเพิ่มได้อีก ตามคาดการณ์ศักยภาพตลาดที่ 1,000 ตันต่อเดือน คิดเป็นมูลค่าขาย 16.5 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 200 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะขยายตลาดสู่ต่างประเทศด้วย
สรรเพชร คงงาม นักวิชาการอาหารสัตว์ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร กล่าวว่า ได้ศึกษาระบบภายในของจิ้งหรีด จนพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจิ้งหรีดขนาดเม็ดเล็ก 2 ผลิตภัณฑ์ ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจิ้งหรีดในแต่ละช่วงอายุ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เอราวัณ จี1 สำหรับจิ้งหรีดอายุ 14 สัปดาห์ มีสัดส่วนโปรตีนมากกว่า 20% และผลิตภัณฑ์เอราวัณ จี5 สำหรับจิ้งหรีดอายุ 3 สัปดาห์ มีสัดส่วนโปรตีนมากกว่า 14%
การกำหนดแนวคิดการให้อาหารจิ้งหรีดที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตในแต่ละช่วงอายุ จะทำให้จิ้งหรีดมีการเติบโตได้ขนาดตามความต้องการของตลาด ช่วยเพิ่มสีสัน ทำให้จิ้งหรีดมีโครงสร้างแข็งแรง สร้างความสมบูรณ์พันธุ์ โดยอาหารจิ้งหรีดที่ซีพีเอฟพัฒนาขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอย่างมาก ทำให้เกษตรกรมีประสิทธิภาพการผลิตสัตว์ที่ดีขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิต มีกำไรเพิ่มมากขึ้น
ในมุมเกษตรกร อุดม แสนอาจ เจ้าของอุดมฟาร์ม กล่าวว่า เดิมทีทำงานรับจ้างมีเงินเดือนประจำ แต่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย จนเมื่อไปพบกลุ่มเพื่อนที่เลี้ยงจิ้งหรีดแล้วมีรายได้ดี ลงทุนไม่สูง จึงเกิดแนวคิดอยากเลี้ยงจิ้งหรีดขึ้นมา โดยเริ่มหาโรงเรือนที่อยู่อาศัยจิ้งหรีด หารังไขที่เป็นกระดาษ จากนั้นจิ้งหรีดจะเริ่มเจริญเติบโตเป็นไข่ ประมาณ 710 วัน ก็จะกลายเป็นตัวอ่อน และลอกคราบ ก่อนจะเป็นจิ้งหรีดพร้อมจับนำไปขาย
ในช่วงที่เริ่มเลี้ยงจิ้งหรีดแรกๆ ก็นำเศษใบไม้ ทั้งยอดหญ้า หรือแม้แต่ใบอ่อนของใบไม้ต่างๆ มาเลี้ยง ซึ่งมาทราบภายหลังว่า เกิดปัญหาเรื่องสารเคมีตกค้างในตัวจิ้งหรีด และจิ้งหรีดก็ไม่เติบโตเต็มที่ หลังจากนั้นก็ลองนำอาหารไก่มาให้แทน ก็พบว่าไก่กับจิ้งหรีดเป็นสัตว์คนละสายพันธุ์ ทำให้จิ้งหรีดเติบโตไม่ได้เต็มที่ จนกระทั่งได้พบกับอาหารสำหรับเลี้ยงจิ้งหรีดโดยเฉพาะของซีพีเอฟ ก็ได้นำมาทดลอง และพบว่าเหมาะกับการเป็นอาหารของจิ้งหรีดที่เลี้ยงเพื่อขาย เพราะผ่านการคิดค้นเพื่อมาเป็นอาหารของจิ้งหรีดโดยเฉพาะ อีกทั้งยังปลอดภัย ไร้สารเคมี ทำให้จิ้งหรีดที่เลี้ยงเติบโตเต็มที่ สร้างปริมาณน้ำหนักได้ตามต้องการ และยังไม่เกิดโรค ซึ่งช่วยลดความเสียหายให้กับเกษตรกรด้วย
ด้าน จิตติศักดิ์ มาพลับ หนึ่งในเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีด กล่าวว่า การเลี้ยงจิ้งหรีดต้องใช้เวลา 3040 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยจิ้งหรีดจะเติบโตได้ดีในหน้าร้อน ซึ่งการนำไปขายจะต้องคัดเลือกจิ้งหรีดที่เติบโตเต็มที่มาพักไว้ที่บ่อเตรียมขาย 1 คืน โดยไม่ให้อาหารแต่ให้จิ้งหรีดกินฟักทองแทน เพื่อล้างลำไส้ของจิ้งหรีด และฟักทองยังช่วยเพิ่มรสชาติหวานมันให้จิ้งหรีดด้วย โดยการขายจะขายทั้งแบบตัวสดๆ และจิ้งหรีดคั่วสมุนไพร ราคาขีดละ 20 บาท หรือ 170 บาทต่อกิโลกรัม