posttoday

'คุณแม่จู้' ภูเก็ต ต่อยอดธุรกิจอาหารส่งออก

20 เมษายน 2558

ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากเชื้อสาย ทำให้ภูเก็ตร่ำรวยทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอาหาร

โดย...อชัถยา ชื่นนิรันดร์

ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม แต่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากเชื้อสาย ทำให้ภูเก็ตร่ำรวยทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอาหาร ดังนั้นธุรกิจอาหาร ขนม ของฝากจากภูเก็ต จึงมีอยู่มากมายหลายเจ้า แต่ที่เป็นต้นตำรับเจ้าแรกคงได้แก่ร้านคุณแม่จู้ ซึ่งเปิดร้านมาตั้งแต่ปี 2482 โดย คุณแม่หงวดจู้ สันติกุล เป็นผู้ริเริ่มทำแกงไตปลา น้ำพริกกุ้งเสียบ ขายเป็นของฝากจนเป็นที่รู้จักมากว่า 70 ปี

จากร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองเล็กๆ ขยายมาเป็นร้านค้ากว้างขวางด้วยมาตรฐานความอร่อยเป็นที่ยอมรับทั่วไป  จนได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย ได้รับการคัดเลือกเป็นสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ดีเด่นระดับ 5 ดาว มีสินค้ากว่า 1,000 รายการ ให้เลือกซื้อ 

วันนี้ ทายาทรุ่นลูก รุ่นหลานของคุณแม่จู้ ได้ร่วมกันพัฒนาสินค้ามากมาย ภายใต้ชื่อ “คุณแม่จู้” และใช่เพียงการขายจำหน่ายนักท่องเที่ยวที่ร้านทั้ง 2 สาขาเท่านั้น แต่ธุรกิจอาหารแบรนด์คุณแม่จู้ ยังขยายเป็นธุรกิจค้าส่งไปจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ เช่น กระบี่ หาดใหญ่ สงขลา พัทยา สมุย สุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯ รวมทั้งห้างค้าส่งยักษ์ใหญ่อีก 2 บริษัท

วันฤดี รังสินธุรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คุณแม่จู้ กล่าวว่า ร้านคุณแม่จู้มี 2 สาขา ที่หมู่บ้านสะปำ และ อ.ถลาง ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 30 ไร่ โดยยึดมั่นสิ่งที่คุณแม่จู้เน้นย้ำมาเสมอ นั่นคือ “ทำอาหารขอให้ยึดตามสูตรของเรา คัดสรรให้ดีที่สุด คิดว่าทำอาหารให้ลูก ดังนั้นสินค้าต้องดี มีคุณภาพ มีคุณค่าอาหาร” ซึ่งเป็นหลักยึดมั่นของธุรกิจคุณแม่จู้ตลอดมา

“เราให้ความสำคัญกับการตั้งราคา นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย แม้สัดส่วนลูกค้าจะเป็นคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50 : 50 แต่เราขายราคาเป็นธรรมเท่ากัน ศักยภาพของโรงงานกำลังการผลิตเต็มที่ได้รับ ISO 9000 และกำลังยื่นขอ ISO 14000 เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ เป็นสินค้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและชุมชน รวมทั้งได้ขยายโรงงานใหม่รองรับการผลิตที่เติบโต มากขึ้น 3-4 เท่าจากเดิม”

นอกจากนี้ ยังมีขายใน ต่างประเทศรวม 10 ประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน พม่า ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐ ฝรั่งเศส ฯลฯ เป็นต้น การทำตลาดแตกต่างกันไป เทียบ สัดส่วนสินค้าในประเทศเติบโตขึ้น 30-40% ช่องทางการตลาดยังมีเยอะมาก

การขยายธุรกิจในภาวะที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น วันฤดี บอกว่า การแข่งขันธุรกิจประเภทของฝากของที่ระลึก สินค้าพื้นเมืองใน จ.ภูเก็ต   อยู่ในระดับปานกลางไม่รุนแรงมาก แต่ละเจ้าต่าง ชูจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทำให้ ไม่กระทบกัน แต่ห่วงกลุ่มต่างประเทศ  จีน เกาหลี รัสเซีย ที่เข้ามาเปิดร้านขายสินค้าพื้นเมืองขนาดใหญ่แข่งขันกับคนท้องถิ่น เป็นสิ่งน่ากลัว เนื่องจากกลุ่มเหล่านี้จะดึงทัวร์ต่างๆ ลงซื้อสินค้า และไม่เปิดให้คนไทยเข้า

สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต วันฤดี บอกว่า ตั้งเป้าเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะอาหาร รูปแบบของทานเล่น หรือสแน็ก ได้ปรึกษากับทีมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำการศึกษา ให้มั่นใจก่อนจะทำออกสู่ตลาด คาดว่าภายใน 3-5 ปีข้างหน้า ได้เห็นผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ของทางร้านอย่างแน่นอน และที่ผ่านมาก็ได้ปรับปรุงสินค้าเพิ่มคุณค่า มาแล้วในหลายรูปแบบ เช่น น้ำพริกกุ้งเสียบเม็ดมะม่วง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก

คุณภาพที่สร้างความ เชื่อมั่น บวกประสบการณ์กว่า 70 ปี ธุรกิจคุณแม่จู้กำลังพัฒนาไปอีกขั้น