Gift of Land ดินแดนที่งดงาม

เรื่อง : ธนะโรจน์ สิทธาธีระวัฒน์

มีเรื่องที่น่าดีใจเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เราได้มีภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นฝีมือคนไทยเกิดขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เรื่อง ของขวัญจากดิน ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นที่จะนำพาเราหลีกหนีจากสังคมเมืองหลวงอันวุ่นวาย ไปชำระล้างจิตใจอันขุ่นมัวด้วยวิถีชีวิตของเกษตรกรผู้ยึดหลัก "พออยู่ พอกิน" และมีความสุขกับการทำสวนแบบเกษตรผสมผสาน พร้อมๆ กับเรื่องราวความรักความผูกพันของคนในครอบครัว 3 เจเนอเรชั่น

ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยศูนย์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะคนดู เมื่อได้เข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในรอบปฐมทัศน์ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ มหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ผู้เขียนได้ค้นพบว่า นอกจากความน่ารักๆ ของเรื่องราวภายในเรื่อง เรายังได้รับความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ของพระราชา ซึ่งเป็นการนำเอาองค์ความรู้ในด้าน "เศรษฐกิจพอเพียง" และ "เกษตรทฤษฎีใหม่" มาใช้ในการดำรงชีวิตได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งด้วยความเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น จึงทำให้ลูกเด็กเล็กแดงที่จะได้ดูภาพยนตร์การ์ตูน แอนิเมชั่นเรื่องนี้ ได้รับความสนุกสนานบันเทิงเริงใจไปพร้อมๆ กับได้รับความรู้อันล้ำค่านี้ไปแบบเนียนๆ (และไม่เบื่อหน่ายไปเสียก่อน)

ของขวัญจากดิน เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงขวัญข้าววัย 11 ขวบ (พากย์เสียงโดย จรินทร์พร จุนเกียรติ) ลูกสาวคนเดียวของพงษ์ ซึ่งมีอาชีพขับแท็กซี่ (พากย์เสียงโดย อรรถพร ธีมากร) อยู่ในเมืองหลวง เมื่อพงษ์ประสบปัญหาทางการเงิน เขาจึงตัดสินใจส่งขวัญข้าวมาใช้ชีวิตอยู่กับปู่ทอง (พากย์เสียงโดย มนตรี เจนอักษร) ที่ต่างจังหวัด ซึ่งปู่ทองคนนี้เคยเป็นชาวนาที่ประสบปัญหากับความยากจน กระทั่งได้เรียนรู้และปฏิบัติตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ และแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปู่ทองจึงกลายเป็นเกษตรกรที่มีชีวิตอยู่อย่างพออยู่พอกิน นอกจากนี้ ขวัญข้าวยังได้เจอเพื่อนใหม่อย่างจอม (พากย์เสียงโดย ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์) ที่ทำให้ชีวิตที่ต้องห่างพ่อของจอมไม่เงียบเหงาจนเกินไปนัก

บอกเลยว่า 60 นาที ที่ได้ชมภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้ มันครบเครื่องจริงๆ (สนุก ซาบซึ้ง อิ่มใจ จนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก) งานนี้ต้องขอชื่นชมทีมงานผู้ผลิต โดยเฉพาะผู้เขียนบทและผู้กำกับอย่าง นนทรีย์ นิมิบุตร ที่ทำให้เรื่องราวมันร้อยเรียงได้อย่างลงตัว และทีมภาพก็ทำให้ภาพชนบทนั้นสวยงามและมีเสน่ห์อยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย ทำให้เด็กต่างจังหวัดที่มาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงเสียนมนานเช่นผม สามารถรำลึกนึกถึงครั้งที่ตนเองเป็นเด็กบ้านนอกคอกนาได้เป็นอย่างดี (ดูจบแล้วทำให้รู้สึกอยากกลับไปอยู่ต่างจังหวัดเสียให้ได้ตอนนี้เลย) ที่สำคัญที่สุดผู้ผลิตสามารถทำให้หลายๆ บทเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง ร.9 กลายเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ทรงพลังมาก บทเพลงเหล่านั้นทำให้ภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้ดูสว่างสดใส และส่งให้ภาพที่อยู่เบื้องหน้ากระทบใจเราได้อย่างจัง

วันที่ 5 ธ.ค.นี้ ทุกท่านสามารถติดตามรับชมได้ทางสถานีโทรทัศน์ โดยรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น รับชมได้ที่ช่องไหน เวลาใด ท่านสามารถสแกน QR Code

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นดีๆ ที่ต้องยกนิ้วให้เรื่องนี้ครับ