จ่ายเคลมชดเชยไม่มีรถใช้
คปภ.ร่วมถกบริษัทประกันภัย ได้ข้อสรุปจ่ายเคลมค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถขั้นต่ำวันละ 500-1,000 บาท เริ่มใช้ต้นปีหน้า
คปภ.ร่วมถกบริษัทประกันภัย ได้ข้อสรุปจ่ายเคลมค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถขั้นต่ำวันละ 500-1,000 บาท เริ่มใช้ต้นปีหน้า
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ.ได้ข้อสรุปเรื่องการปรับปรุงความคุ้มครองของค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถแล้ว และอยู่ระหว่างยกร่างคำสั่งนายทะเบียนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ได้ในต้นปี 2562 ซึ่งจะทำให้สามารถลดปัญหาข้อร้องเรียนในประเด็นดังกล่าวได้
ทั้งนี้ จากการหารือกันถึงการกำหนดความคุ้มครองของค่าขาดประโยชน์ที่ควรจะระบุไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันรถยนต์ให้ชัดเจน โดยมีผู้แทนของสมาคมประกันวินาศภัยไทยเข้าร่วมด้วย ได้ข้อสรุป เบื้องต้นให้กำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มแรก รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งกำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท กลุ่มที่ 2 รถยนต์รับจ้างสาธารณะขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท และกลุ่มที่ 3 รถยนต์ขนาดเกินกว่า 7 ที่นั่งกำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท
"ตอนนี้ปัญหาเรื่องร้องเรียนกรณีการเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ มีจำนวนเรื่องร้องเรียนมากเป็นอันดับ 1 ของ คปภ. ซึ่งหลังจากนี้ เมื่อมีคำสั่งนายทะเบียนออกมาแล้ว บริษัทจะต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยและต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวอย่างเคร่งครัด หากบริษัทฝ่าฝืนก็ย่อมมีความผิดฐานขัดคำสั่งนายทะเบียนและยังเป็นกรณีไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัย อาจถือได้ว่าบริษัทจงใจฝ่าฝืนข้อตกลงแห่งสัญญาประกันภัย หรือข้อกำหนดหรือกฎเกณฑ์ใดๆ ที่มีความชัดเจนให้บริษัทมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หรือบุคคลผู้มีสิทธิเรียกร้องหรือได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัยอันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งมีบทลงโทษในอัตราที่สูงเช่นเดียวกัน" นายสุทธิพล กล่าว
นอกจากนี้ ในปี 2562 จะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบประกันภัย โดยได้กำหนดให้มีโครงการจัดทำโมบายแอพพลิเคชั่น เป็นระบบฐานข้อมูลกลางเพื่อให้บริษัทประกันวินาศภัยประชาชนใช้เป็นช่องทางในการให้บริการด้านประกันภัยทั้งระบบอีกด้วย ซึ่งจะต้องออกเป็นประกาศ คปภ. เพื่อให้ทุกบริษัทต้องใช้กลไกนี้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป