เอ็มโอยูรวม2แบงก์ ควบธนชาต-ทหารไทยโอนกิจการเป็นธนาคารใหม่
ธนชาต-ทหารไทย เอ็มโอยู ควบรวมกิจการเป็นแบงก์ใหม่ เพิ่มทุน 5 หมื่นล้าน ผงาดเป็นอันดับ 6 สินทรัพย์ 1.9 ล้านล้าน
ธนชาต-ทหารไทย เอ็มโอยู ควบรวมกิจการเป็นแบงก์ใหม่ เพิ่มทุน 5 หมื่นล้าน ผงาดเป็นอันดับ 6 สินทรัพย์ 1.9 ล้านล้าน
ธนาคารทหารไทยและธนาคาร ธนชาตได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้งสองธนาคารได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เพื่อกำหนดกรอบความเข้าใจและการเจรจาในการควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน ด้วยการโอนกิจการทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นธนาคารแห่งใหม่ที่จะกำหนดชื่อหลังการควบรวมเสร็จสิ้นตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งนี้ โครงสร้างและขั้นตอนที่แน่นอนในการรวมกิจการนี้จะขึ้นอยู่กับผลการวิเคราะห์ด้านกฎหมาย กฎเกณฑ์ และภาษี
ทั้งนี้ มูลค่ารวมของธุรกรรมนี้อยู่ที่ 1.3-1.4 แสนล้านบาท ควบรวมกิจการรวม อาจมีการปรับมูลค่าในขั้นตอนสุดท้าย เนื่องมาจากการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ (Due Diligence) และมูลค่าหุ้นทางบัญชีของธนาคารธนชาตและบริษัทในเครือล่าสุด โดยคู่สัญญาจะตกลงชำระค่าตอบแทนให้แก่กันในรูปแบบของเงินสดและเงินสดส่วนหนึ่งจะนำกลับมาลงทุนในธนาคาร
การจัดหาเงินทุนนั้น ธนาคารทหารไทยจะออกหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 5-5.5 หมื่นล้านบาท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ทุนธนชาตและธนาคารโนวาสโกเทีย (BNS) คาดว่าจะคิดมูลค่าหุ้นเพิ่มทุนของธนาคารเท่ากับ 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชีล่าสุดของธนาคาร ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 4-4.5 หมื่นล้านบาท จะออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคาร ทั้งกระทรวงการคลัง ธนาคารไอเอ็นจี จากเนเธอร์แลนด์ และนักลงทุนทั่วไปทั้งแบบเจาะจง (พี/พี)
หลังการควบรวมกิจการเสร็จสิ้น ทั้งกระทรวงการคลังและไอเอ็นจี ซึ่งเป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารทหารไทยและบริษัท ทุนธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของธนาคารธนชาตจะถือหุ้นในธนาคารใหม่รายละมากกว่า 20% ส่วนธนาคาร โนวาสโกเทียจะลดสัดส่วนหุ้นลงเป็น ผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
"คาดว่าธนาคารแห่งใหม่จะมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านคน และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ไทย" รายงานข่าวระบุ
อย่างไรก็ดี หลังจากเอ็มโอยูแล้ว ภายหลังจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงแล้ว คู่สัญญาทุกฝ่ายประสงค์ที่จะตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ จัดเตรียม พิจารณา ต่อรอง และตกลงเข้าทำสัญญาตามที่คู่สัญญาจะได้ตกลงกันโดยทันที ธนาคารคาดว่าธุรกรรมน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562