กลุ่มเซ็นทรัล ปรับโครงสร้างดัน"เซ็นทรัล รีเทล"เข้าตลาดหุ้น
ถอนหุ้น"โรบินสัน"จัดทัพใหม่พอร์ต 2 แสนล้าน รวมธุรกิจค้าปลีกในไทย เวียดนาม อิตาลี อยู่ภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว
เพิกถอนหุ้น"โรบินสัน" แต่งตัวใหม่ใหญ่กว่าเดิม รวมธุรกิจค้าปลีกในไทย เวียดนาม อิตาลี เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว
บริษัท โรบินสัน (ROBINS) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วงดึกของวันที่ 26 ก.ค.62 ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติให้ปรับโครงสร้างธุรกิจและเพิกถอนหุ้น ROBINS ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (Central Retail) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมในสัดส่วน 53.83 %
การปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเซ็นทรัล รีเทล ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และการนำหุ้นของเซ็นทรัล รีเทล เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความประสงค์ที่จะรวมธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆ ของเซ็นทรัล รีเทล ในประเทศไทย เวียดนาม และประเทศอิตาลี เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว เพื่อให้เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าหลากหลายประเภทผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format and Multi-category)
ในการนี้เซ็นทรัล รีเทล มีแผนระดมทุนผ่านการทำไอพีโอ พร้อมทำคำเสนอซื้อ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์ )หุ้นโรบินสัน จากผู้ถือหุ้นทุกรายที่ตอบรับคำเสนอซื้อฯ ในราคาหุ้นละ 66.50 บาท โดยเซ็นทรัล รีเทล จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อจ่ายค่าหุ้นในการทำคำเสนอซื้อฯ ครั้งนี้
เซ็นทรัล รีเทล จะยื่นคำขอเพื่อทำไอพีโอ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และส่งแบบคำขอให้รับหุ้นเพิ่มทุนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนต่อตลาดหลักทรัพย์ฯโดยเร็วที่สุดซึ่งคาดว่าเป็นภายในปี 2562 ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล จะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติแผนการปรับโครงสร้างฯวันที่ 29 สิงหาคม 2562 นี้
วัตถุประสงค์และเหตุผลการปรับโครงสร้างธุรกิจ
ประการที่ 1 เพื่อรวมธุรกิจค้าปลีกต่าง ๆในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี ให้เข้ามาอยู่ภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว โดย เซ็นทรัล รีเทล จะกลายเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีก จากการผสมผสานที่ลงตัวของแพลตฟอร์ม Omni-Channel ร้านค้าปลีกในหลากหลายรูปแบบ และการให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก
ประการที่ 2 เพื่อให้ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อให้การขยายธุรกิจห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้นภายใต้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว โดยบริษัทดังกล่าวจะสามารถเลือกสรรแบรนด์ค้าปลีกที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่
ประการที่ 3 เพื่อสร้างบริษัทที่เป็นแกนนำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มเซ็นทรัลที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและเป็นช่องทางที่จะทำให้ธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลสามารถขยายไปยังตลาดอื่น ๆ ผ่านการค้าปลีกหลากหลายรูปแบบที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
รายได้เซ็นทรัล รีเทล มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ
ปี 2559 รายได้รวม 176,281 ล้านบาท
-แฟชั่น 69,505 ล้านบาท
-ฮาร์ดไลน์ 35,830 ล้านบาท
-ฟู้ด 70,945 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้รวม 187,998 ล้านบาท
-แฟชั่น 68,746 ล้านบาท
-ฮาร์ดไลน์ 38,095 ล้านบาท
-ฟู้ด 81,157 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้รวม 206,078 ล้านบาท
-แฟชั่น 74,773 ล้านบาท
-ฮาร์ดไลน์ 42,921 ล้านบาท
-ฟู้ด 88,384 ล้านบาท
ไตรมาส 1 ปี 2562 รายได้รวม 53,626 ล้านบาท
-แฟชั่น 18,279 ล้านบาท
-ฮาร์ดไลน์ 11,365 ล้านบาท
-ฟู้ด 23,982 ล้านบาท
หมายเหตุ*กลุ่มฮาร์ดไลน์ จำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้าน
กำไรสุทธิ
-ปี 2559 กำไรสุทธิ 5,552 ล้านบาท
-ปี 2560 กำไรสุทธิ 5,024 ล้านบาท
-ปี 2561 กำไรสุทธิ 9,536 ล้านบาท
-ไตรมาส 1 ปี 2562 กำไรสุทธิ 2,434 ล้านบาท
กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล มีเครือข่ายร้านค้าปลีกและแพลตฟอร์ม Omni-channel ครอบคลุมพื้นที่สำคัญใน 3 ประเทศดังนี้ (ณ 31 มี.ค. 2562)
-ไทย มีจำนวน 1,979 ร้านค้า ใน 51 จังหวัด
- เวียดนาม 125 ร้านค้า ใน 37 จังหวัด
-อิตาลี ห้างสรรพสินค้า 9 สาขา ใน 8 เมือง
ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล มีพื้นที่ขายสุทธิรวมประมาณ 2,945,811 ตร.ม. และพลาซ่าของกลุ่มมีพื้นที่ให้เช่ารวม 517,450 ตร.ม.
เปิดอาณาจักรในอิตาลี - เวียดนาม
จากเอกสารที่กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ฯ ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล มีห้างสรรพสินค้าในประเทศอิตาลี คือ "รีนาเชนเต" ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับหนึ่งในอิตาลี โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาด 44.7 % ในปี 2560 และ 48.1 % ในปี 2561
สำหรับประเทศเวียดนาม มีแบรนด์ "ลานชี มาร์ท " เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กถึงกลางในพื้นที่ชานเมืองและชนบทของประเทศเวียดนามตอนเหนือ มีห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำนวน 2 สาขา
ขณะที่ บิ๊กซี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตอันดับหนึ่งในประเทศเวียดนามเมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งทางการตลาด จำนวนสาขา และพื้นที่ขาย และได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับสองเมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งทางการตลาดและพื้นที่ขายในหมวดผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศเวียดนาม ในปี 2561
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัล รีเทล อยู่ในระหว่างการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์บิ๊กซีเป็นแบรนด์ “GO!” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล ในประเทศเวียดนาม โดยกลุ่มบริษัทฯคาดว่าการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์จะเสร็จสมบูรณ์ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า