posttoday

‘สุพัฒนพงษ์’ชี้รัฐใช้เงินอุ้มราคาพลังงานกว่า 1.6 แสนลบ.แย้มรอข่าวดีช่วยกลุ่มผู้ใช้เบนซิน

18 กุมภาพันธ์ 2565

‘สุพัฒนพงษ์’ มั่นใจราคาน้ำมันไม่แพงเท่า 8 ปีก่อน แจงขอกันเงิน 1 บาทจากลดภาษีดีเซลต่ออายุกองทุนน้ำมันฯ ยันดูแลค่าครองชีพประชาชนต่อเนื่อง

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานเปิดเผยว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้นเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยน้ำมัน 90% ก็ยังเป็นการนำเข้าอยู่ มีการขยับขึ้นจริงในตลาดโลกจากวิกฤตการเมือง การผลิตที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่สามารถสอดรับกับเป้าหมายที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น จึงเป็นปัจจัยทำให้ราคาพลังงานเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน วันนี้เรากันเงิน 1 บาท ต่ออายุกองทุน ตรึงราคาดีเซลถึง 31 พ.ค. จากเดิม 31 มี.ค. ดีเซลขายปลีกน่าจะลดลง 2 บาทโดยตรึงราคาที่30บาทเพื่อลดภาระภาคประชาชน

ทั้งนี้เน้นย้ำว่าวิกฤตน้ำมันแพงเป็นเรื่องเดือดร้อนทั่วโลก และปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตพลังงานทั่วโลก คือ โอเปกพลัส ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ อากาศที่หนาวเย็นขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินที่ยังคงอ่อนตัวรัฐบาลมีการดำเนินการเรื่องปัญหาราคาน้ำมันแพงโดยเริ่มแรกใช้กลไกกองทุนน้ำมัน หลังจากนั้นใช้กลไกภาษีสรรพสามิตแต่หลังจาก 31 พฤษภาคม 2565 หากราคาน้ำมันยังแพงขึ้น ต้องมาพิจารณาสถานการณ์อีกที แต่ราคาน้ำมันไม่น่าจะแพงเกินกว่าเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ที่เป็นภาระของภาคประชาชน ประเทศไทยมีราคาน้ำมันขายปลีกที่ไม่ได้แพงเมื่อเทียบประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยเป็นรองแค่ประเทศที่สามารถผลิตน้ำมันได้ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน ส่วนประเทศอื่น ๆ ที่ราคาน้ำมันขายปลีกแพงกว่า ก็ต้องพิจารณาลงไปอีกว่าคุณภาพของน้ำมันสามารถเทียบกับคุณภาพน้ำมันในประเทศไทยได้หรือไม่   

ส่วนกรณีมีผู้สอบถามว่า ในช่วงที่ราคาน้ำมันดีเซลต่ำ 14 บาท ทำไมไม่เพิ่มกองทุนน้ำให้ราคาขายปลีกเป็น 25 บาท ให้มีเงินเก็บ 11 บาทเข้ากองทุนจะได้ไม่มีปัญหาราคาน้ำมันแพงอย่างทุกวันนี้ เหตุผลประการแรก ณ เวลาที่ราคาน้ำมันต่ำคือปี 63 ไม่มีใครคาดคิดว่าปี 64 - 65 จะเกิดวิกฤติน้ำมันราคาแพง ประการที่สอง เมื่อไปดูข้อมูลแล้วไม่พบน้ำมันราคา 14 บาท แต่พบว่ามีราคา18บาทอยู่ช่วงหนึ่งซึ่งหลังจากนั้นก็มีการขึ้นราคา  นอกจากนี้การจะปรับราคาขายปลีก 11 บาท เชื่อว่าจะเป็นภาระของพี่น้องประชาชน ภาระการขนส่ง และเป็นภาระของค่าของชีพ ณ เวลานั้น

‘สุพัฒนพงษ์’ชี้รัฐใช้เงินอุ้มราคาพลังงานกว่า 1.6 แสนลบ.แย้มรอข่าวดีช่วยกลุ่มผู้ใช้เบนซิน

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งประชาชนในสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเป็นวิกฤติของโลก โดยการช่วยเหลือในเฉพาะส่วนของกระทรวงพลังงาน ล่าสุดได้ใช้เงินช่วยเหลือไปประมาณ 161,866 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของก๊าซหุงต้มผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงช่วยเหลือเป็นเงินประมาณ 27,000 กว่าล้านบาท สำหรับราคาน้ำมันใช้งบประมาณไปประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท ในการตรึงราคาน้ำมันเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าขนส่งและราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยคาดว่าราคาน้ำมันน่าจะต่ำกว่า 30 บาท ไปเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งได้ นอกจากนี้ยังมีการช่วยในเรื่องของค่าไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติรวมกันแล้วประมาณ 116,000 กว่าล้านบาท

สำหรับมาตรการที่จะบรรเทาในส่วนของน้ำมันเบนซินกำลังดำเนินการศึกษาคาดว่าจะมีมาตรการออกมาในเร็ววันนี้ ควบคู่กัน รัฐบาลได้มีโครงการคนละครึ่ง และมีการเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในส่วนนี้ซึ่งครอบคลุมเกือบ 40 ล้านคนที่จะได้รับการดูแลและบรรเทาค่าใช้จ่าย จากสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาสูงขึ้นในช่วงเวลานี้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะวิกฤตินี้อีกด้วย