“กรณ์” ชูนโยบาย 1 จังหวัด 1 พันล้าน ปั้นแลนด์มาร์คเศรษฐกิจสายมู เสริมรายได้
“กรณ์” นำทีมพรรคชาติพัฒนากล้า บุก จ.ฉะเชิงเทรา ท่องแลนด์มาร์คเศรษฐกิจสายมู สร้างรายได้เข้าจังหวัดปีละไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ชู นโยบาย 1 จังหวัด 1 พันล้านบาท สร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ เสริมรายได้เข้าสู่ชุมชน
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือนายกอุ๊ ที่ปรึกษาพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมเดินทางไปยัง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อดูต้นแบบเศรษฐกิจสายมู ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคชาติพัฒนากล้า
โดยนายกอุ๊ ได้จัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสายมู ของ จ.ฉะเชิงเทรา เชื่อมต่อจากวัดหลวงพ่อโสธร และวัดสมานรัตนาราม โดยได้จัดสร้างพระพิฆเนศ องค์ยืน และ ตลาดชุมชน ขึ้น ณ อุทยานพระพิฆเนศคลองเขื่อน
นายกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยเรามีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศรัทธามากมาย หากมีการฟื้นฟู หรือสร้างสตอรี่เรื่องเล่า จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มากมาย นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า คือ 1 จังหวัด 1 พันล้านบาท โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวศักดิ์สิทธิ์ จังหวัดไหนไม่มีสถานที่ที่ดึงความน่าสนใจได้เพียงพอ ก็สร้างขึ้นใหม่ได้ เช่น ที่ จ.ฉะเชิงเทรานี้ เป็นต้นแบบสำคัญ และสามารถขยายผลต่อไปทั่วประเทศได้ สามารถสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน ปีละหลายพันล้านบาท
นายวัชรพงศ์ หรือ นายกอุ๊ กล่าวว่า วันนี้ทีมงานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้มาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวสายมู รวมทั้งสิ้นประมาณ 60 กิโลเมตร โดยเริ่มจากการสักการะ หลวงพ่อโสธร ที่วัดโสธร ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้คนมาท่องเที่ยว เพื่อสักการะหลวงพ่อโสธรเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นไม่ได้ไปไหนต่อ ตนจึงคิดให้สมาคมชาวฉะเชิงเทรา สร้างพระพิฆเนศองค์ยืนขึ้นที่ ต.บางตลาด อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา
และต่อมาเจ้าอาวาสวัดสมานรัตนาราม ได้สร้างพระพิฆเนศองค์นอนสีชมพูขึ้น เป็นการเชื่อมต่อการท่องเที่ยวแต่ละจุดได้สั้นและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ซึ่งพอการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกิดขึ้น ก็มีร้านค้าริมทาง และในจุดท่องเที่ยวแต่ละจุด เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น วัดสมานฯ มีร้านค้ากว่า 500 ร้านค้า
โดยตลอดเส้นทางการท่องเที่ยวมีร้านค้าต่าง ๆ ของชาวบ้าน ทั้งร้านค้าเกษตร ร้านค้าชุมชน ส่งผลให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ เกิดรายได้เข้าสู่ชุมชนปีละ ไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท