posttoday

หุ้นไทยร่วงไม่หยุดลงต่อเป็นสัปดาห์ที่ 4 ด้านเงินบาทผันผวนต่อเนื่อง

05 มีนาคม 2566

SET Index ร่วงไม่หยุดตลอดสัปดาห์ จากปัจจัยลบที่กังวลเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย และตัวเลขส่งออกไทยที่หดตัวมากกว่าคาด เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือน ก่อนพลิกแข็งค่ากลาง-ปลายสัปดาห์ ตามทิศทางเงินหยวน

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทเคลื่อนไหวอย่างผันผวน โดยอ่อนค่าในช่วงแรก ก่อนพลิกแข็งค่ากลาง-ปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าไปที่ 35.39 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือน

 

โดยมีปัจจัยลบจากข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่พลิกกลับมาขาดดุลในเดือนม.ค. สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ยังได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์สอดคล้องกับการฟื้นกลับมาของเงินหยวนที่ได้รับอานิสงส์จากข้อมูล PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนก.พ. ของจีนที่บ่งชี้ถึงการเริ่มฟื้นตัวขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีน     

 

ทั้งนี้ กรอบแข็งค่าของเงินบาทเริ่มจำกัดลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอติดตามสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จากสุนทรพจน์ของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในวันที่ 7-8 มี.ค. นี้ 

 

ในวันศุกร์ที่ 3 มี.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.68 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 34.81 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 ก.พ.)

 

สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-3 มี.ค. นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 10,142 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 3,192 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 8,179 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้หมดอายุ 4,987 ล้านบาท)

 

สัปดาห์ถัดไป (6-10 มี.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.40-35.00 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ

 

ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด อัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทย ทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย

 

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน จาก ADP เดือนก.พ. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนม.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

 

นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางออสเตรเลีย รวมถึงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศเดือนม.ค.-ก.พ. ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของจีนด้วยเช่นกัน

 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน ทั้งนี้ หุ้นไทยร่วงลงตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยกดดันหลัก ๆ มาจากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น

 

หลังตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนี PCE เดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าตลาดคาด และตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. ของไทยที่ออกมาหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่กกร. ได้ปรับลดคาดการณ์การส่งออกไทยในปีนี้ลงตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก

 

โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสวนทางภาพรวมในสัปดาห์นี้ โดยมีแรงหนุนจากหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง จากแนวโน้มธุรกิจที่ยังคงสดใส และหุ้นบริษัทด้านการสื่อสารจากประเด็นการควบรวมธุรกิจ     

 

ในวันศุกร์ (3 มี.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,606.88 จุด ลดลง 1.66% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 63,810.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.08% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.17% มาปิดที่ระดับ 557.36 จุด

 


สำหรับสัปดาห์ถัดไป (6-10 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,575 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,620 และ 1,630 จุด ตามลำดับ

 

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ. ของไทย ถ้อยแถลงของประธานเฟด ประเด็นการเมืองภายในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนก.พ.

 

รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค