“สรณ” เผยประชุมบอร์ดกสทช.ล่ม-ลั่นไม่เคยมีคลินิกทั้งในและนอกประเทศ
ประชุมบอร์ดกสทช.ล่มตามคาด ประธานแจ้งบอร์ดไม่ครบองค์ประชุม มา 3 ขาด 4 วาระเห็นชอบเลือกเลขาธิการกสทช.ค้างต่อ พร้อมแจงประเด็นส.ส.ก้าวไกล เปิดรายชื่อมีคลินิกอยู่อเมริกา ย้ำเป็นเพียงไลเซ่นส์ที่หมดอายุแล้ว ไม่เคยมีคลินิกทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช.วันนี้ (4 ก.ย.2566) มีวาระรอเสนอพิจารณาอยู่กว่า 40 วาระ แต่ไม่สามารถเปิดการประชุมได้ โดยการประชุมเริ่มเวลา 09.30 น.และปิดประชุมเวลา 10.00 น. เนื่องจากมีบอร์ดมาประชุมเพียง 3 คน คือ ตนเอง ,นายต่อพงศ์ เสลานนท์ และพลตำรวจเอก ณัฐธร เพราะสุนทร ขณะที่บอร์ดอีก 4 คน ติดธุระ คือ นายศุภัช ศุภชลาศัย,นายสมภพ ภูรีวิกรัยพงศ์,พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และ นางสาวพิรงรอง รามสูต
สำหรับระเบียบการประชุมต้องทำหน้าที่ประชุมตามหน้าที่ ต้องรอองค์ประชุม 30 นาที ก่อน หากไม่ครบองค์ประชุม ต้องงดประชุมหรือเลื่อนประชุมไปก่อน เพื่อนัดประชุมใหม่ โดยในวันที่ 21 ก.ย.2566 กสทช.มีกำหนดการประชุมบอร์ดนอกสถานที่ ณ จ.นครพนม หวังว่าจะทำให้บอร์ดกสทช.ไปกันพร้อมหน้าและเป็นการประชุมนอกสถานที่ที่คาดว่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่กสทช.จะเปิดใจกัน
การประชุมกสทช.ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ประชุมล่ม วาระเรื่องเห็นชอบเลขาธิการกสทช.ต้องค้างไว้ก่อน เพราะตามมารยาทต้องให้บอร์ดมาประชุมครบทั้ง 7 คน
สำหรับบรรยากาศการประชุม นายต่อพงศ์ เดินทางมาประชุมคนแรก จากนั้นเวลา 09.30 น.ประธานเข้ามาประชุมคนที่ 2 ตามด้วยพลตำรวจเอก ณัฐธร คนที่ 3 ทันทีที่ประธานเข้ามาประชุมได้โยนคำถามแรกต่อที่ประชุมถึงระเบียบการประชุมว่าการประชุมบอร์ดสามารถเผยแพร่สู่สาธารณะได้หรือไม่ เหมือนกับการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ที่สามารถออกเสียงตามสาย หรือ ถ่ายทอดให้ประชาชนทั่วไปสามารถรับชมได้ เพื่อแสดงถึงความโปร่งใส ซึ่งฝ่ายเลขาได้อธิบายถึงการประชุมแบบเปิดเผยว่า สามารถทำได้ ที่ประชุมเชิญใครมาร่วมประชุมได้ รวมถึงสื่อมวลชนในการเข้าร่วมประชุมในบางวาระได้ หากเป็นประเด็นเกี่ยวกับสังคม
นอกจากนี้ ประธานกสทช.ยังได้กล่าวถึงกรณี นางสาวรักชนก ศรีนอก ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล อภิปรายในสภาเกี่ยวกับประเด็นการพบชื่อตนเองเป็นเจ้าของคลินิกในประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ไม่เป็นความจริง ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงการบันทึกข้อมูลของประเทศสหรัฐอเมริกา จากการที่ตนเองมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตั้งแต่ปี 1984-1993 ตั้งแต่สมัยที่ไปอบรม ปัจจุบันใบอนุญาตหมดอายุแล้ว และไม่เคยเปิดคลินิกทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เรื่องนี้ทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง ต้องคิดดูก่อนว่าจะสามารถฟ้องร้อง ส.ส.รักชนก ได้หรือไม่