EA หนุนยุทธศาสตร์รัฐ ดันบริษัทไทยปั้นโปรดักส์ แชมเปี้ยน หนี้พ้นความยากจน
“สมโภชน์ อาหุนัย” หนุน 8 ยุทธศาสตร์รัฐบาล เผยต้นตอปัญหามาจากความยากจน ควรสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าไทย แบ่งปันสู่รากหญ้า สนับสนุนบริษัทน้องใหม่คนไทยปั้นโปรดักส์ แชมเปี้ยน หลุดพ้นประเทศรับจ้างผลิต
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ THAILAND NEW ERA”ในงานฐานเศรษฐกิจครบรอบ 44 ปี ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ว่า เมื่อ 6 ปีที่ผ่านมา ตนเองเคยตั้งคำถามว่า ทำไมเกษตรกรไทย มีชีวิตความเป็นอยู่ไม่ดีเหมือนเกษตรกรต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา การที่นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิด 8 ยุทธศาสตร์ของประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่มีการพูดถึงว่าจะทำอย่างไร และทำเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่งตนเองอยากให้เกิด อยากให้ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไปถึงจุดหมาย
การแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นตอ ปัญหาหนี้นอกระบบ เกิดจากความยากจน จากข้อมูลพบว่า เศรษฐีไทย 50 อันดับแรก มีความร่ำรวยเท่ากับ 1 ใน 3 ของประเทศ และ คนไทย 53 ล้านคน มีเงินเก็บไม่ถึงแสน จนกลายเป็นรากเหง้าของทุกปัญหา ปิรามิดคนรวยแหลมขึ้น ประเทศไทยมีรายได้ปานกลาง ประชากรชราขึ้น ประชากรยิ่งทำ ยิ่งจนลง คนรวย ยิ่งรวยขึ้น ปัญหาครอบครัวก็ตามมา
เมื่อวิเคราะห์ดูปัญหา พบว่า ประเทศไทยภูมิใจกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นประเทศรับจ้างการผลิต ซึ่งไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่ม ไม่สามารถทำให้ฝนตกทั่วฟ้าถึงคนรากหญ้าได้ ประเทศไทยภูมิใจกับยอดการส่งออกที่เป็นยอดรับจ้างการผลิต การส่งออกรถมีมูลค่าเป็นล้านล้านบาท แต่แท้ที่จริงแล้วประเทศไทยได้มูลค่าที่เป็นแค่ค่าแรงเพียง 5,000 ล้านบาท ประเทศไทยจึงกลายเป็นประเทศรับจ้างผลิตสมบูรณ์แบบ
8 ยุทธศาสตร์ของรัฐบาล คือ ต้องการขายของแพงขึ้น เช่น ต้องการเป็นศูนย์กลางด้านท่องเที่ยว ศูนย์กลางทางการแพทย์ สิ่งนี้ดีหมด แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหารวยกระจุก จนกระจาย ดังนั้นโมเดลที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาคือต้องการสร้างมูลค่าเพิ่ม และ การแบ่งปัน เช่น จีน ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา ที่มีบริษัทโลคอลของตนเอง ในการสร้างผลิตภัณฑ์
นายสมโภชน์ กล่าวว่า 6 ปีที่ผ่านมา เราต้องการให้ความร่ำรวยอยู่ในประเทศไทย และแบ่งปันให้คนในประเทศ เรามีการทำเทคโนโลยีระดับโลกให้ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้า และการวิจัยน้ำมันเครื่องบินจากพืช ซึ่งเราใช้เวลา 5 ปี ในการวิจัยและพัฒนาจนสามารถผลิตและจำหน่ายได้ภายในปีนี้
อย่างไรก็ตาม 1 ในยุทธศาสตร์ของรัฐบาล คือ การสร้างสตาร์ทอัพ เป็นเรื่องที่ดี เมื่อมีบริษัทคนไทยเกิดขึ้น เราจะเลิกพูดถึงค่าแรงขั้นต่ำ สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ความไม่อยากมีบุตรก็จะหายไป สมัยก่อนคนไทยไม่เชื่อว่าบริษัทไทยจะสามารถมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองได้ เพราะเห็นแต่เทคโนโลยีต่างชาติ เราจึงต้องส่งเสริมให้เกิดโปรดักส์ แชมเปี้ยน เพื่อให้ลงไปถึงรากหญ้าให้ได้
สิ่งที่ตนเองรอมา 6 ปี คือ มาตรการความช่วยเหลือจากภาครัฐเหมือนกับประเทศอื่นๆที่สนับสนุนบริษัทน้องใหม่ที่เป็นคนไทย สิ่งนี้มากกว่าที่เราควรมาถกกันมากกว่าคำว่า วิกฤต หรือไม่ เราต้องดูว่าเราจะทำสิ่งที่ท้าทายนี้อย่างไร สิ่งที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ต้องทำอย่างไรบ้าง และเปลี่ยนมุมมอง หาโอกาส ใช้ให้เป็น เพื่อเป็นสมการในอนาคต