posttoday

“คลัง” ร่วมถกธนาคารโลก-IMF ฟุ้งเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งมีเสถียรภาพ

24 ตุลาคม 2567

“เผ่าภูมิ” เผย โชว์ศักยภาพเศรษฐกิจไทยในเวทีธนาคารโลก- IMF มั่นใจGDP ปี67 โต 2.8% ปีหน้า 3% ชูนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล-ฮับการเงิน ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ พร้อมเสนอยกเว้น ลดหย่อนภาษีที่ไม่จำเป็น ด้านรองประธานสนใจ “หวยเกษียณ” เตรียมนำศึกษาเป็นตัวอย่างต่อไป

วันที่ 23 ตุลาคม 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุมกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia Voting Group: SEAVG) ของธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการธนาคารโลก 11 ประเทศสมาชิกเข้าร่วมประกอบด้วย ฟิจิ บรูไนดารุสซาลาม อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา มาเลเซีย เนปาล สิงคโปร์ ตองกา เวียดนาม และไทย และมีผู้ว่าการธนาคารกลางในฐานะผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศเข้าร่วม 13 ประเทศ ประกอบด้วย สมาชิก 11 ประเทศข้างต้น ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา

 

      ที่ประชุมส่วนใหญ่ให้คำแนะนำเชิงนโยบายและการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศกำลังพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ การจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ และปัญหาด้านหนี้สาธารณะ รวมถึงสนับสนุนการระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

      นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การปรับสมดุลของการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐและการมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาแรงผลักดันในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ การเสริมสร้างการระดมทรัพยากรในประเทศ การจัดการหนี้ และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล โดยนายเผ่าภูมิฯ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้ยกตัวอย่างนโยบายของประเทศไทย ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีของรัฐผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและฐานข้อมูลขนาดใหญ่ การขยายฐานภาษีจากนโยบายการจัดเก็บภาษีจากธุรกิจออนไลน์และดิจิทัลแพลตฟอร์มต่าง ๆ ตามกรอบความร่วมมือเกี่ยวกับการป้องกันการโยกย้ายฐานภาษีของกลุ่มบริษัทข้ามชาติขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา

      รวมทั้งได้เสนอแนวคิดการลดการยกเว้นการลดหย่อนภาษีที่ไม่จำเป็นเพิ่มเติมในการหารือดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้แทนจากธนาคารโลกและ IMF ได้ให้ความเห็นว่าประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีบริบทและความท้าทายที่แตกต่างกันจึงจำเป็นต้องมีการปรับความสมดุลด้านการคลังในระยะเวลาที่ต่างกันให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละประเทศ

      นอกจากนี้ นายเผ่าภูมิ ได้หารือทวิภาคีกับนาง Manuella V. Ferro รองประธานธนาคารโลก ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยและแนวนโยบายที่ประเทศไทยให้ความสำคัญและความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและธนาคารโลก พร้อมทั้งได้เน้นย้ำถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยและแนวนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ตลอดจนนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล 

 รองประธานธนาคารโลกได้แสดงความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง และเห็นว่านโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงิน นโยบายสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณเพื่อส่งเสริมการออมสำหรับผู้สูงอายุ ตลอดจนการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภาพของภาคการเกษตรจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาที่ครอบคลุมและยั่งยืน เอื้อต่อการขยายตัวของการลงทุนจากต่างชาติในประเทศไทย ซึ่งรองประธานฯได้ให้ความสนใจกับนโยบายสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณโดยจะศึกษาตัวอย่างของประเทศไทยต่อไป