จับตา “พิชัย”-“เศรษฐพุฒิ” ถกกรอบเงินเฟ้อปี 68 วันนี้
รมว.คลัง เตรียมหารือ ผู้ว่าแบงก์ชาติ กำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2568 ช่วงบ่ายวันนี้(29 ต.ค.67) ขณะที่ธปท.ย้ำ กรอบเงินเฟ้อปัจจุบันทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดี
ผู้สื่อข่าวกระทรวงการคลัง รายงานว่า เวลา 13.30 น. วันนี้ (29ต.ค.67) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดนัดหารืออย่างเป็นทางการกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงการกำหนดกรอบอัตราเงินเฟ้อในปี 2568 รวมถึงหารือแนวนโยบายทางเศรษฐกิจ เพื่อให้นโยบายการเงินและการคลังมองในทิศทางเดียวกันมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมายังปรากฎถึงความเห็นที่ไม่ตรงกัน
ทั้งนี้ นายพิชัย กระทรวงการคลัง เห็นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันเริ่มกลับมาดีขึ้น และรัฐบาลมีนโยบายเศรษฐกิจที่ชัดเจน สะท้อนได้จาก ความเชื่อมั่นตลาดทุนเริ่มกลับมา ขณะนี้จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่ต้องเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจไทย จึงอยากเห็นการปรับกรอบเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีก โดยที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า "อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำมานาน" โดยกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายปัจจุบันอยู่ที่ 1-3% ต่อปี ควรที่จะปรับขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มากขึ้น
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ระบุว่า กระทรวงการคลังได้หารือเป็นการภายในถึงเรื่องกรอบอัตราเงินเฟ้อ โดยมี 2 ทางเลือกคือ การกำหนดกรอบเงินเฟ้อเหมือนเดิมที่ 1-3% และกำหนดค่ากลางเงินเฟ้อ เช่น 2% แล้วบวกลบ 0.5% โดยเห็นว่ากรอบล่างที่ 1% ต่ำเกินไปไม่ควรเป็นกรอบล่าง เพราะหมายความเศรษฐกิจไม่เคลื่อนตัว คนไม่ใช้จ่ายจึงอยากเห็นเงินเฟ้อสูงกว่านี้ ซึ่งเงินเฟ้อยู่ในระดับต่ำทำให้กระทรวงการคลังต้องใช้มาตรการทางการคลังอย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามการทำนโยบายการเงินและการคลังควรทำงานสอดประสานกัน เพื่อช่วยเพิ่มแรงกระตุ้นแรงเศรษฐกิจมากขึ้น
ขณะที่ ธปท.มองว่า กรอบเงินเฟ้อปัจจุบันที่ 1-3% ทำหน้าที่ได้ดีแม้ในช่วงเงินเฟ้อสูง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยรายได้ไตรมาสมีแนวโน้มกลับสู่กรอบเป้าหมายในไตรมาส4 ของปีนี้ แต่พิจารณาเป็นรายเดือนมีการปรับลดลง ในระยะต่อไปในไตรมาส4 ตั้งเดือนต.ค.เป็นต้นไปเงินเฟ้อจะกลับมาสูงกว่า 1% ทิศทางเงินเฟ้อในระยะต่อไปมีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามตลาดคาด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะปานกลางอยู่ที่ระดับที่สอดคล้องกับกรอบเป้าหมาย โดยจะเห็นว่า แม้ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อสูง เช่น เดือนส.ค. 2565 เงินเฟ้อทั่วไปแตะระดับสูงสุดที่ 8% หลังจากนั้นใช้เวลาไม่ถึง 7 เดือนเงินเฟ้อก็กลับมาอยู่ในกรอบได้ ซึ่งส่วนหนึ่ง มาจาก “กรอบเงินเฟ้อปัจจุบันทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดี” ดูจากเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะปานกลางค่อนข้างทรงตัวที่ 2% เป็นสัญญาณว่าการดำเนินนโยบายการเงินและเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะปานกลางค่อนข้างดี