posttoday

คลังอัปเดท ออมสิน-ธ.ก.ส. ปล่อยกู้แก้หนี้นอกระบบแล้ว กว่า 1 พันล้านบาท

08 พฤศจิกายน 2567

คลังรายงานความคืบหน้า ออมสิน-ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อแก้ไขหนี้นอกระบบ จำนวน 22,400 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,064.69 ล้านบาท ขณะที่ปล่อยกู้พิโกไฟแนนซ์กว่า 44,723.36 ล้านบาท

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของกระทรวงการคลังที่ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านมาตรการสินเชื่อต่าง ๆ ได้แก่ โครงการสินเชื่อธนาคารประชาชน สินเชื่อเพื่อชำระหนี้สินนอกระบบ สินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากจน รวมถึงมาตรการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือและรองรับลูกหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 7 พฤศจิกายน 2567  มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 22,400 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,064.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแถลงข่าวกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 จำนวน 937 ราย และมียอดอนุมัติเพิ่มขึ้น 39.72 ล้านบาท  

 

      สำหรับเจ้าหนี้นอกระบบ กระทรวงการคลังได้ส่งเสริมให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) เพื่อเป็นช่องทางให้เจ้าหนี้นอกระบบสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยปัจจุบัน ณ เดือนตุลาคม 2567 มีนิติบุคคล (บริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด) ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์และเปิดดำเนินการแล้ว 1,143 ราย ใน 75 จังหวัด และ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2567 มีการอนุมัติสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้กับประชาชนรายย่อยสะสมทั้งสิ้น 4,614,023 บัญชี เป็นจำนวนเงินรวม 44,723.36 ล้านบาท โดยเป็นยอดสินเชื่อคงค้าง 368,429 บัญชีเป็นจำนวนเงินรวม 7,102.59 ล้านบาท 

      นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ได้มีการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงประโยชน์และการคุ้มครองประชาชนให้ดียิ่งขึ้น การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น การส่งเสริมการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ให้มีความโปร่งใสและมีมาตรฐานเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการกำกับดูแลของหน่วยงานกำกับ