posttoday

ผู้เสียหายเดินหน้าแจ้งความ OPPO - realme ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

21 มกราคม 2568

สภาผู้บริโภคนำผู้เสียหาย OPPO และ realme แจ้งความดำเนินคดี กรณีละเมิดสิทธิผู้บริโภค หลังพบแอปกู้เงินเถื่อนฝังในโทรศัพท์ พร้อมยื่น สคส. ตรวจสอบละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล เร่งหน่วยงานรัฐออกมาตรการคุมเข้มและลงโทษผู้กระทำผิด

หลังจากสภาผู้บริโภคประกาศเดินหน้าฟ้องคดีกลุ่ม - แจ้งความดำเนินคดีกับออปโป้ (OPPO) - เรียลมี (realme) ที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภคหลายข้อ ทั้งการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงินเถื่อน การเรียกเก็บดอกเบี้ยและทวงหนี้ผิดกฎหมาย จนทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหายนั้น 

ล่าสุด (วันที่ 21 ม.ค. 2568) สภาผู้บริโภคนำผู้เสียหายจากกรณีโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ OPPO และ realme เข้าแจ้งความต่อผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกรณีละเมิดสิทธิผู้บริโภคและข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีพ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รองผู้กำกับกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และ พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เป็นผู้รับหนังสือ

ภัทรกร ทีปบุญรัตน์ รองหัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค ระบุว่า โทรศัพท์มือถือทั้งสองยี่ห้อถูกพบว่ามีการติดตั้งแอปฯ “สินเชื่อความสุข” และ “Fineasy” ตั้งแต่ออกจากโรงงาน โดยไม่สามารถลบออกได้ แอปฯ ดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานรัฐ จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริโภคในหลายด้าน เช่น การส่งข้อความโฆษณาเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ รวมถึงมีการกู้ยืมเงินผ่านแอปฯ โดยไม่ได้รับสัญญาที่ชัดเจน การคิดดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด 
    
กรณีหนึ่งที่พบคือ ผู้บริโภคกู้เงิน 5,000 บาท แต่ได้รับเงินจริงเพียง 3,500 บาท จำนวนเงินที่ถูกหักออกถูกระบุว่าเป็นดอกเบี้ย ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณแล้วพบว่าอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1,500% ต่อปี เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด การกระทำดังกล่าวสภาผู้บริโภคเห็นว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิผู้บริโภคตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค และละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    
ขณะที่ จิณณะ แย้มอ่วม อนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร สภาผู้บริโภค กล่าวว่า หน่วยงานรัฐทั้งหมดต้องทำงานเชิงบูรณาการอย่างจริงจัง เพราะเรื่องนี้เป็นการแตกไลน์ธุรกิจของจีนเทาอย่างหนึ่ง ถ้าได้ติดตามและปะติดปะต่อเรื่องจะเห็นภาพชัดเจนว่ามีการส่งต่อข้อมูลและเอาข้อมูลไปใช้เพื่อหลอกลวงผู้บริโภค ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ประเทศชาติสูญเสียเงินเป็นหลายหมื่นล้านบาท ที่ออกไปนอกระบบ แล้วมิจฉาชีพได้เอาเงินเหล่านั้นไปพัฒนาระบบเพื่อกลับมาโกงคนไทย 

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่เรื่องการกู้ยืมอย่างเดียว เป็นเรื่องของความมั่นคง การโจรกรรมระดับชาติ ที่สุดท้ายเราก็จะเห็นว่าพอไปในเรื่องของผู้เสียหายที่เกี่ยวกับการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกก็จะเชื่อมโยงไปกับบัญม้า 

อีกทั้ง ได้เรียกร้องให้ OPPO ออกมาเปิดเผยว่าใครคือเจ้าของแอปเงินกู้ การที่ปิดบังหรือไม่ให้ข้อมูล ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริษัทคือผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมมือให้แอปเงินกู้นี้แสวงหารายได้โดยไม่ถูกกฎหมาย

นอกจากนี้ กระทรวงดีอีได้ออกข้อแนะนำ 10 ข้อ เรียกร้องผู้ผลิตและผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การติดตั้งแอปพลิเคชันล่วงหน้า (Pre-installed Apps) พร้อมขอความร่วมมือแสดงรายการแอปพลิเคชันที่ติดตั้งในเครื่องอย่างชัดเจน เมื่อยื่นขออนุญาตนำเข้าและจำหน่ายในประเทศไทยนั้น ซึ่งมองว่าเป็นมาตรการที่ไม่มีสภาพบังคับ และยังไม่มีกำหนดว่าหน่วยงานไหนเป็นเจ้าภาพ จึงเสนอให้หน่วยงานรัฐต้องออกกฎหมายมาควบคุม เพราะตัวผู้ประกอบการอาจละเลยไม่ได้ปฏิบัติตาม

ด้าน พรวุฒิ พิพัฒนเดชศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม มีความเห็นว่า OPPO เป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ การจะอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชันควรใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ แต่เมื่อเป็นการแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคในการลบแอปพลิเคชันที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ออกไปกลับใช้เวลาที่นานเกินไป

เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณช่วงวันที่ 10 ม.ค.2568 แต่ OPPO กลับมีท่าทีว่าจะแก้ไขปัญหาให้เสร็จสิ้นวันที่ 27 ม.ค.2568  ที่สัญญาไว้กับตอนที่ไปหารือกับหน่วยงานรัฐ ผมมองว่าในฐานะที่เค้ามีทรัพยากรจำนวนมากมันเป็นช่วงเวลาที่นานเกินไป และก็อาจจะไม่สามารถยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคได้ 

สำหรับประเด็นการติดตั้งแอปฯ มาก่อนหน้านั้นละเมิดสิทธิผู้บริโภค และทำให้กินพื้นที่การใช้งานในโทรศัพท์เคลื่อนที่ เกิดการใช้อินเทอร์เน็ตและแบตเตอรี่ของโทรศัพท์เคลื่อนที่โดยไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม สภาผู้บริโภคเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ใช้อำนาจทางกฎหมายในการดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับกับ OPPO และ realme เพื่อให้ธุรกิจของบริษัทดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และป้องกันไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมสำหรับบริษัทอื่น ๆ โดยจะติดตามความคืบหน้าใน 15 วัน

ทั้งนี้ ในการแจ้งความและยื่นหนังสือถึงหน่วยงานรัฐยังมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งว่า นอกจากมีการติดตั้งแอปพลิเคชันกู้เงินในโทรศัพท์แล้ว ยังมีแอปพลิเคชันพนันออนไลน์ติดตั้งมาด้วย รวมถึงมีการแจ้งเตือนให้ติดตั้งแอปพลิเคชันอื่น ๆ แม้ปัจจุบันจะมีการนำแอปพลิเคชันออกจากโทรศัพท์แล้ว ยังมีการส่งข้อความเตือนให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย