"อิมแพ็ค ชูศักยภาพทำเล ดึงดูดการลงทุน เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียว พ.ร.บ. "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" และเริ่มมีกลุ่มทุนทั้งในไทยและต่างชาติ ขานรับให้ความสนใจกับโครงการนี้ เป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลย้ำเงื่อนไขว่า การลงทุนนั้น จะเป็นการก่อสร้างใหม่ ในพื้นที่ใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของรัฐ มีขนาดที่ดินราว 300 ไร่ จะมีทั้งโรงแรมมากกว่า 4-5 แห่ง 5,000 ห้อง มีสวนสนุกขนาดใหญ่ ศูนย์ประชุมนานาชาติ และจัดคอนเสิร์ตได้ตลอดทั้งปี
ขณะที่ส่วนของกาสิโนนั้น จะมีเพียงไม่เกิน 10 % เท่านั้น เพราะฉะนั้นการลงทุนแต่ละแห่ง จะใช้เงินมากกว่า 1 แสนล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 3-5 ปี โดยปีที่ 3 คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายจะให้เปิดบริการภายใน 2572 ก่อนที่ศูนย์เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ในเมืองโอซาก้า ญี่ปุ่น จะเปิดบริการในปี 2573
พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ โพสต์ทูเดย์ ว่า บางกอกแลนด์ มีความสนใจในโครงการ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" โดยเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาวได้ โดยเฉพาะหากมีการใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งศักยภาพสูง เช่น อิมแพ็ค เมืองทองธานี
อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีความพร้อมในหลายด้าน ทั้งพื้นที่ขนาดใหญ่ ระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน และการเชื่อมต่อการคมนาคมที่สะดวกสบาย นับเป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้โครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ในพื้นที่นี้มีโอกาสดึงดูดการลงทุนได้สูง
พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน)
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ที่ตั้งเมืองทองธานีอยู่ในตำแหน่งที่สามารถรองรับการเข้าถึงของผู้คนทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางผ่านสนามบินดอนเมือง มีทางด่วนเชื่อมต่อไปยังต่างจังหวัด และกำลังมีรถไฟฟ้าเข้าถึงเมืองทองธานี ซึ่งจะเปิดให้บริการ พ.ค. 2568 นี้
พอลล์ ระบุว่า พื้นที่ของอิมแพ็ค เมืองทองธานี จึงเป็นทำเลทอง สามารถตอบโจทย์การพัฒนาเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในหลากหลายมิติ เช่น การสร้างสถานที่จัดงานระดับโลก โรงแรมที่พัก ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และพื้นที่สำหรับกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ ที่ดึงดูดทั้งกลุ่มครอบครัวและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เมืองทองธานีไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดอีเวนต์ แต่ยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและความบันเทิงของประเทศไทย ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้การออกแบบและขยายโครงการเป็นไปได้อย่างยืดหยุ่น และยังสามารถรองรับเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์อนาคต เช่น พลังงานสีเขียวและระบบดิจิทัล
พอลล์ ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของรัฐบาลในการสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยชี้ว่า การสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนและการท่องเที่ยวถือเป็นกุญแจสำคัญ“การสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นสิ่งที่ต้องมาก่อน” พอลล์ กล่าว พร้อมระบุถึงนโยบายสำคัญที่รัฐบาลควรผลักดัน ได้แก่
การจัดการฝุ่น PM 2.5 เนื่องจากปัญหามลพิษทางอากาศยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รัฐบาลควรมีมาตรการควบคุมและลดปริมาณฝุ่น PM2.5 อย่างจริงจัง เช่น การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การพัฒนาระบบขนส่งมวลชน และการควบคุมมลพิษจากภาคอุตสาหกรรม
อีกประเด็นที่สำคัญคือ ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ประเทศไทยไทยควรลงทุนในการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่สำคัญ การเสริมเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวที่มีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ และการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเพื่อป้องกันอาชญากรรม เพราะทุกครั้งที่มีอาชญากรรมในประเทศไทยกับนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจะหายไปในทันที
“ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวพร้อมจะจ่ายเงินในระดับสูง หากพวกเขามั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพของบริการที่ได้รับ” พอลล์ กล่าว พร้อมชี้ว่า การส่งเสริมเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวมีมาร์จิ้นสูง เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติพร้อมใช้จ่ายกับประสบการณ์ที่ดี ดังนั้นรัฐบาลจึงควรให้ความสำคัญกับนโยบายการท่องเที่ยวเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ประเทศไทยอยู่ในจุดที่สามารถพลิกวิกฤตเศรษฐกิจโลกให้เป็นโอกาสได้ หากเรารู้จักใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โครงการที่มีศักยภาพสูงอย่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สามารถเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้