posttoday

"คลัง" ตั้งรับนโยบาย "ทรัมป์ 2.0" เตรียมส่งทีมเจรจาสหรัฐลดผลกระทบ

22 มกราคม 2568

จุลพันธ์ เผยคลังเตรียมส่งทีมเจรจาเพื่อลดผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสดันส่งออกไปสหรัฐพิ่มขึ้น ตั้งรับสินค้าจีนทะลักเข้าไทยพุ่งซ้ำเติมเอสเอ็มอี

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ทำการประเมินผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า และการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ตามนโยบายทรัมป์ 2.0 ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ไม่ได้เป็นปัญหาทั้งหมด สิ่งสำคัญ คือ ต้องมาจับตาอย่างใกล้ชิด พร้อมกับการปรับตัวที่ไม่ใช่เพียงนโยบายทรัมป์แต่ต้องปรับตัวรับยุคเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สำคัญต้องหาโอกาสดึงให้เกิดประโยชน์ให้กับประเทศไทยให้มากที่สุด 

นอกจากประเมินผลกระทบ ต้องมองหาโอกาสให้กลับมาสำหรับประเทศไทย ส่วนกรณีที่เอกชนเสนอให้ตั้งวอร์รูมนั้น มองว่า ทุกกระทรวงทำอยู่แล้ว อาจไม่ถึงวอร์รูม แต่มีทีมที่ติดตาม เพื่อประเมิรว่าจะมีผลกระทบในมิติใดบ้าง นอกจากนี้ได้ตั้งทีมเจรจาทางการค้ากับสหรัฐ เพื่อลดผลกระทบให้น้อยที่สุด พร้อมหาโอกาสทางการค้าเพื่อให้สินค้าไทยได้ส่งออกไปอเมริกาได้มากขึ้น

สำหรับเรื่องผลกระทบที่ต้องติดตาม จากกรณีทรัมป์เตรียมบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรสูงสุดถึง 25% กับ เม็กซิโก แคนาดา และจีน ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025  ขณะนี้ไทยไม่ได้อยู่ในรายชื่อดังกล่าว แต่สิ่งที่ต้องจับตา และเตรียมความพร้อมรับมือในบางสินค้า บางประเภท ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ เช่น สินค้าจีน ที่จะทะลักเข้ามาในไทยมากขึ้น 

มีบางประเภทสินค้าที่น่าห่วง เพราะเมื่อเกิดเทรดวอร์ขึ้นมาแล้ว อย่างสินค้าของจีนที่เข้าสู่สหรัฐได้ยากขึ้น ก็อาจจะไหลเข้ามาไทยมากขึ้นหรือไม่ ก็จับตาด้วยความระมัดระวังว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคเอกชน หรือ เอสเอ็มอีไทยหรือไม่ ซึ่งเรามีมาตรการหลายมาตรการ เช่น การเก็บภาษีให้มีความเป็นธรรม หลังจากนี้จะตรวจคุณภาพสินค้า ตรวจ ม.อ.ก. ดูสินค้านำเข้าว่าเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่