เคล็ดลับบริหารธุรกิจพันล้าน Mo-Mo-Paradise ฉบับ “สุรเวช เตลาน”

ตลาดชาบู และ สุกี้ ยากี้ แม้จะมีการแข่งขันสูง แต่ก็พบเห็นผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง บ้างก็รอด บ้างก็ไปไม่ไหว รายใหญ่ในตลาดบางรายยังกระทบ แล้วอะไร คือ “เคล็ดลับ” ที่ทำให้ธุรกิจนี้ที่มีการแข่งขันสูง อยู่รอด แบบยั่งยืน

สุรเวช เตลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล เรสเตอท์รองต์ จำกัด ผู้บริหาร Mo-Mo-Paradise เมืองไทย เปิดเผยว่า “มาตรฐาน การบริหารต้นทุน และการลงมือทำธุรกิจด้วยตนเอง คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้ ปัจจุบัน  Mo-Mo-Paradise อยู่ในตลาดประเทศไทย 18 ปี มีสาขาทั้งหมด 31 สาขา ” รายได้ล่าสุดปี 2566 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท 

เริ่มจากความหลงใหล ลงมือทำ 360 วัน

“ผมเริ่มจากแค่ความชอบ ชอบกินชาบู สไตล์ญี่ปุ่น มาก เคยคิดกระทั่งจะเปิดร้านของตนเอง แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดไป จนกระทั่งเจอ Mo-Mo-Paradise ที่ญี่ปุ่น และตอนนั้น Mo-Mo-Paradise ที่ญี่ปุ่น ไม่เคยขายแฟรนไชส์ให้กับใครมาก่อน เราเป็นรายแรกที่เขายอมขายให้ ” 

สุรเวช เตลาน

สุรเวช เล่าถึงจุดเริ่มต้น ซึ่งเขาใช้ความพยายามอย่างมากในการแสดงให้เห็นว่า เขาต้องการนำ Mo-Mo-Paradise เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจริงๆ เพราะต้องการให้คนไทยใด้บริโภคชาบู ที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นจริงๆ เมื่อเจ้าของ Mo-Mo-Paradise ที่ญี่ปุ่น บินมาดูตลาดที่เมืองไทย เขาก็เห็นโอกาส และเห็นความตั้งใจจริงของเขา

ด้วยความที่ธุรกิจในครอบครัวของตระกูล เตลาน ทำธุรกิจส่งออกขนมไปยังประเทศญี่ปุ่น อยู่แล้ว ทำให้คอนเน็คชั่น และ การเจรจาทางธุรกิจกับญี่ปุ่น เป็นไปได้

นับตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจนำ Mo-Mo-Paradise เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เขาทุ่มเวลาการทำงาน 360 วัน ให้กับธุรกิจนี้ เพราะเขาเชื่อเสมอว่า การทำธุรกิจ ต้องลงมือทำด้วยตนเอง “ต้องบอกว่าการรับประทานชาบูสไตล์ญี่ปุ่น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ทำอย่างไรถึงจะทำให้คนรู้จัก และเกิดการบอกต่อ ต้องหาวิธีการให้คนเปิดรับ เมื่อเปิดรับ ธุรกิจก็จะประสบความสำเร็จ”

เพราะเขาต้องการให้คนไทยได้รับประทานชาบูที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นจริงๆ “เรื่องนี้ท้าทายผมมาก ทำให้ผมต้องลงมือทำเองตั้งแต่วันแรก” สุรเวช กล่าว

สุรเวช ใช้เวลา 2 ปีเต็ม ก่อนจะขยายสาขาที่ 2 เพราะไม่ต้องการให้ลูกค้าที่กินสาขาที่ 2 หรือ สาขาอื่นๆที่ขยายอย่างต่อเนื่อง พูดกันว่า นี่ไม่ใช่ Mo-Mo-Paradise ในแบบที่สาขาแรกเป็น แต่เป็น Mo-Mo-Paradise ในสไตล์ของผู้จัดการสาขานั้นๆ

ขจัดความท้าทาย “เปิดสาขา 2 ไม่อร่อยเท่า” ด้วยคู่มือการทำงาน

ชาบูแบบญี่ปุ่น ต้องน้ำใส ไม่มีน้ำจิ้มแบบแซ่บ จิ้มด้วยซอสงา พอนซึ และ สวีทโชยู และสุกี้แบบญี่ปุ่น ต้องกินคู่ไข่ดิบ เท่านั้น ไม่จิ้มซอส ไม่ตอกไข่ลงไปในหม้อ ด้วยการรับประทานชาบู ที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่น ความท้าทายในการขยายสาขาจึงเกิดขึ้น สุรเวช จึงให้ความสำคัญกับการสร้างคู่มือมาตรฐานการทำงาน เพื่อให้แต่ละสาขามีมาตรฐาน รสชาติ วัตถุดิบ ไม่ต่างกัน 

ชาบู สไตล์ญี่ปุ่นแท้

เขาดูและพัฒนาคู่มือนี้ทุกปี ปีละ 2 ครั้ง หรือมากกว่านั้น เพราะเขายอมรับว่า สาขาที่ขยายมากขึ้น เขาไม่สามารถทำงานเองได้ทุกสาขา แต่คู่มือนี้จะเป็นสิ่งที่ตอกย้ำการทำงานแบบมืออาชีพ และตัวเขาเองก็ยังคงทำงานในระดับผู้บริหาร ประชุม และบริหารจัดการทีมงานอย่างใกล้ชิด นำความเป็นตัวตนของเขาใส่ไปในตัวพนักงานทุกคน

ดังนั้น แม้จะเห็นว่าการขยายสาขาของ Mo-Mo-Paradise ในห้วงเวลา 18 ปี ที่ผ่านมา มีสาขาถึง 31 สาขา แต่ก็ใช่ว่าเห็นทำเลดี และต้องขยายสาขาทุกที่ “ทีมงานต้องพร้อม” คือ สิ่งแรกที่ สุรเวช คำนึง ก่อนจะขยายสาขา แม้กระทั่งเห็นโอกาสในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่เขาก็ไม่รีบขยาย หากทีมงานยังไม่พร้อม 

อย่ากำไร จนเจ๊ง บริหารต้นทุนต้องทำ

ต่อข้อถามที่ว่า แล้วสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรคำนึงเสมอยังมีอะไรอีกไหม การเปิดสาขาหลายๆสาขา อะไรอีกที่เป็นหัวใจสำคัญ สุรเวช ตอบด้วยความหนักแน่นว่า อย่าทำธุรกิจกำไร จนเจ๊ง ความหมายคือ ต้องรู้จักบริหารจัดการต้นทุนให้ดี 

เคล็ดลับความสำเร็จขึ้นแท่นธุรกิจพันล้าน

เขาขยายความต่ออีกว่า ในช่วงโควิด ทุกคนแย่หมด แต่เขายังคงรอดมาได้ เพราะเขายึดมั่นในการรักษาทีมงานไว้ รอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อพร้อมธุรกิจก็จะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งธนาคารก็ให้โอกาสเขาในการกู้เงินมาใช้จ่าย ด้วยวินัยทางการเงิน และเครดิตที่ดีในช่วงที่ผ่านมา จึงทำให้ธนาคารมั่นใจ แม้ในช่วงนั้นไม่มีรายรับเข้ามาเลยก็ตาม

การบริหารจัดการต้นทุน ทำบัญชี สำคัญมาก ซึ่งเรื่องนี้ สุรเวช ยอมรับว่า ธุรกิจร้านอาหาร เป็นการรับเงินสดมาก่อนจ่ายเงินให้คู่ค้า ที่เป็นซัพพลายเออร์ ถ้าบริหารจัดการไม่ดี บางคนขายดีจนหลงทาง ขายดีจนเจ๊ง ก็มี เพราะวางแผนการเงินหรือทำบัญชี ไม่ถูกต้อง ไม่มีการแยกเก็บกำไร ต้นทุน อย่างเป็นระบบ

สุรเวช เตลาน

ทำไม Mo-Mo-Paradise อยู่ได้ถึง 18 ปี ท่ามกลางรายเก่าทรุดลง รายใหม่ผุดขึ้น สุรเวช กล่าวทิ้งท้ายว่า การควบคุมต้นทุนในแต่ละสาขาเป็นสิ่งจำเป็น คุมต้นทุน ไม่ใช่ ลดคุณภาพวัตถุดิบ หรือไปขึ้นราคากับลูกค้า นี่คือสิ่งที่ลูกค้า Mo-Mo-Paradise รัก และยอมจ่าย แม้ราคาจะแพงกว่าคู่แข่ง