เปิดอาณาจักร iberry ”ปลา-อัจฉรา” เน้นแตกแบรนด์ ไม่เน้นขยายสาขา
อัพเดทอาณาจักร iberry ของ ‘ปลา-อัจฉรา’ หญิงแกร่งวงการธุรกิจร้านอาหาร-ขนมหวาน ปี 2568 ไม่หยุดที่ 17 แบรนด์ เป็น Everyday Food กลยุทธ์เน้นแตกแบรนด์-ไม่เน้นขยายสาขา
อัจฉรา บุรารักษ์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ‘ปลา’ เธอคือผู้ทรงอิทธิพลของแวดวงธุรกิจอาหารที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอเป็นอย่างดี ด้วยประสบการณ์ธุรกิจมากว่า 26 ปี
ตั้งต้นจากธุรกิจแรกสุดอย่าง “ไอศกรีม iberry” ซึ่งเป็นธุรกิจหมวดของหวาน หลังจากนั้น ก็เริ่มผันตัวเข้าสู่วงการอาหารโดยเริ่มจาก “กับข้าวกับปลา” เป็นร้านแรก ขยายแบรนด์หลากหลายประเภทตั้งแต่ข้าว เมนูเส้น อาหารเวียดนาม ไปจนถึงหมูกระทะ
และเมื่อช่วงต้นปีไม่นานผ่านมาก็ได้ประกาศเปิดตัวแบรนด์ใหม่ Maison RORU ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เกิดจากความร่วมมือกับเชฟมาซาโตะ ชิมิสุ (Masato Shimizu) ที่มีชื่อเสียงด้านซูชิ โอมากาเสะ ถือเป็นการประเดิมร้านอาหารญี่ปุ่นครั้งแรก
โพสต์ทูเดย์ ชวนสำรวจอาณาจักรแบรนด์ร้านอาหารของ iberry group ฉบับอัพเดทปี 2568 ว่า ณ ตอนนี้มีแบรนด์ไหนบ้างที่อยู่ภายใต้การบริหารของ ปลา อัจฉรา ดังนี้
บริษัท ไอเบอรี่ โฮมเมด จำกัด
รายได้ปี 2566 อยู่ที่ 2,179 ล้านบาท กำไร 418 ล้านบาท ประกอบด้วย แบรนด์ร้านอาหาร
- iberry
- iBerista
- กับข้าวกับปลา
- รสนิยม
- เบิร์นบุษบา
- ฟ้าปลาทาน
- รวมมิตร
- โรงสีโภชนา
- เจริญแกง
บริษัท ทองสมิทธิ์ สยาม จำกัด
รายได้ปี 2566 อยู่ที่ 857 ล้านบาท กำไร 196 ล้านบาท
- โต๊ะคิม
- ทองสมิทธ์
- Thong sweet
บริษัท เดอะแพลทเทอร์ มหานคร จำกัด
รายได้ปี 2566 อยู่ที่ 347 ล้านบาท กำไร 71 ล้านบาท
- ชิ้นโบแดง (Chin Bo Dang)
- แฟรนส์ (Fran’s)
- อันเกิม อันก๋า (AnComAnca)
บริษัทโอเอ็มจีเอ็ม แบงคอก จำกัด
รายได้ปี 2566 10 ล้านบาท -4 ล้านบาท
- Oh My GodMother (OMGM)
และ ปี 2568 แบรนด์ใหม่ Maison RORU จะเปิดให้บริการสาขาแรกในเดือนเมษายนนี้ ที่โครงการ Velaa หลังสวน ชั้น B1
โดยรวมแล้ว iberry group มีแบรนด์ร้านอาหาร-ขนมหวานในเครือราวๆ 17 แบรนด์
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจว่า ธุรกิจร้านอาหาร เมื่อประสบความสำเร็จมักจะขยายสาขา
แต่สำหรับ ‘ปลา’ เธอกลับไม่เน้นขยายสาขา แต่เน้นขยายแบรนด์ใหม่ จึงเกิดคำถามว่า ทำไม iberry เลือกขยายแบรนด์มากกว่าขยายสาขา?
ซึ่งเธอก็ให้เหตุผลถึงเรื่องนี้ในงาน The enterpreneur Forum 2025 ว่า เชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าเดิม ซึ่งก็คือ ลูกค้ากลุ่มพรีเมียมที่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และหัวเมือง กลุ่มนี้ยังมีกำลังจ่าย และมีความต้องการมากกว่าการกินอาหารเพียง 1-2 ประเภท
ภาพจาก iberry group
โดยกลยุทธ์การขยายธุรกิจของ iberry จะไม่ได้คิดแบบ "แนวนอน" หรือขยายหนึ่งแบรนด์ กระจายออกไปทั่วประเทศ แต่ในทางกลับกัน คือเน้น "บริหารแนวตั้ง" โดยสร้างแบรนด์ใหม่ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าเดิม ลูกค้าคนหนึ่งสามารถทานอาหารจาก 3-4 แบรนด์ของ iberry ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์
เธอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้นคือ มื้อเช้าลูกค้าอาจทานที่ “แฟรนส์” ส่วนมื้อกลางวันอาจเป็นก๋วยเตี๋ยวที่ “ทองสมิทธิ์” และมื้อเย็นที่ “โรงสีโภชนา” เป็นต้น
ภาพจาก iberry group
อีกกลยุทธ์คือการเพิ่มทางเลือกผู้บริโภคแบบไม่ทับไลน์กันเองในศูนย์การค้าเดียวกัน เปิดร้านอาหารได้ 6-7 แบรนด์ โดยที่แต่ละร้านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่แข่งกันเอง แม้จะเป็นอาหารไทยเหมือนกัน
หากกล่าวโดยสรุปคือ iberry Group ไม่ได้เน้นการขยายสาขา แต่ใช้กลยุทธ์ขยายแบรนด์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับลูกค้าเดิม
อย่างไรก็ตาม 'ปลา' บอกว่า iberry จะไม่สิ้นสุดที่ 17 แบรนด์แน่นอน เพราะปีนี้ตั้งเป้าว่า จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีก 2-3 แบรนด์
โดยโฟกัสที่ความเป็น “Everyday Food” หรืออาหารที่ทานได้ทุกวัน ไม่ได้เป็นแฟชั่นหรือเทรนด์ที่มาแล้วก็ไป ซึ่งแต่ละร้านในพอร์ตก็มีแนวทางความสำเร็จที่ต่างกัน