พิชัยเผยส่งออกไทย ก.พ.68 โต 14% อานิสงส์ ผลไม้-เศรษฐกิจโลกขยับ

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า การส่งออกไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ขยายตัว 14% คิดเป็นมูลค่า 26,707.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 906,520 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากเดือนมกราคมที่ขยายตัว 13.6% ส่งผลให้การส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวถึง 13.8% โดยมูลค่าการส่งออกสะสมอยู่ที่ 51,984.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี และคาดว่าในเดือนมีนาคมและเดือนถัดไปจะมีการขยายตัวต่อเนื่องจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น

นายพิชัยกล่าวว่า การส่งออกถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตเกิน 3% และการส่งออกเติบโตไม่น้อยกว่า 3.5% ในขณะนี้การส่งออกขยายตัวถึง 13.8% เป็นสัญญาณที่ดี และคาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง

นายพิชัยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เครื่องยนต์เศรษฐกิจของไทยกำลังไปได้ดีทุกด้าน โดยในปีที่ผ่านมาไทยมียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 1.13 ล้านล้านบาท ขณะนี้หลายโรงงานใกล้เสร็จและพร้อมเริ่มผลิตเพื่อส่งออก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ข้อมูลจาก BOI ระบุว่า 2 เดือนแรกของปี 2568 มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันการส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกขยายตัว 13.8% การลงทุนเติบโต และการท่องเที่ยวในปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยว 36 ล้านคน ปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนแตะ 39-40 ล้านคน แม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว แต่ปัญหาหนี้ยังเป็นอุปสรรคสำคัญ จึงสนับสนุนแนวคิดการแก้หนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างมั่นคงและอาจขยายตัวถึง 5-6% ในอนาคต

ตั้งแต่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่อง โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 11.8% ซึ่งในเดือนตุลาคม 2567 การส่งออกขยายตัว 14.6% เดือนพฤศจิกายน 2567 ขยายตัว 8.2% เดือนธันวาคม 2567 ขยายตัว 8.7% เดือนมกราคม 2568 ขยายตัว 13.6% และเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ขยายตัว 14% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การส่งออกไทยกำลังฟื้นตัวจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น โดยไทยเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกอย่างมาก ในอดีตตัวเลขการส่งออกลดลงเนื่องจากการลงทุนลดลง แต่ในปัจจุบันการลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งออกขยายตัว

นายพิชัยยังกล่าวว่า การนำเข้าของไทยในช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมากกว่าการส่งออก เนื่องจากการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าขั้นกลางเพื่อใช้ในการผลิตและขยายการผลิตในอนาคต ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในเชิงเศรษฐศาสตร์ หากสามารถแก้ปัญหาหนี้ของประชาชนและภาคธุรกิจได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเกิน 5% และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว

ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 การส่งออกของไทยมีมูลค่า 26,707.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 14.0% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 24,718.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.0% ทำให้ดุลการค้าของไทยเกินดุล 1,988.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการส่งออกในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่า 51,984.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 13.8% ดุลการค้าของไทยยังคงเกินดุล 108.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัว 3.9% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา น้ำตาลทราย ไก่สดแช่เย็นและแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี ขณะที่สินค้าที่หดตัว ได้แก่ ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลไม้สด

การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 17.2% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ และผลิตภัณฑ์ยาง

ตลาดส่งออกสำคัญ การส่งออกไปยังตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัว โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีนที่ขยายตัวเร่งขึ้น ตลาดเอเชียใต้และสหรัฐฯ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นและอาเซียนมีการหดตัว

แนวโน้มการส่งออกในอนาคต กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า การส่งออกในไตรมาสแรกของปี 2568 จะยังคงเติบโตดีต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตและความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะยังมีความท้าทายจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจกระทบต่อการเติบโตของบางอุตสาหกรรม