เจาะลึกอุตฯบันเทิงครบวงจร มูลค่า 3 ล้านล้าน ดันเศรษฐกิจไทยพุ่ง
“ณรงค์ชัย ใหญ่สว่าง” ชี้ธุรกิจสีเทาไร้ใบอนุญาตพุ่ง 55% เสนอจัดระเบียบ-เก็บภาษี-คุ้มครองแรงงาน สถานบันเทิงครบวงจร ดันรายได้รัฐแตะแสนล้าน
ดร.ณรงค์ชัย ใหญ่สว่าง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์และการพัฒนานโยบายสาธารณะ เปิดเผยกับ “โพสต์ทูเดย์” ว่า อุตสาหกรรมบันเทิงครบวงจรในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 3 ล้านล้านบาท โดยที่ปัจจุบันพบว่า 55% ของกิจการเหล่านี้ดำเนินงานโดยไม่มีใบอนุญาต, 25% เป็นพื้นที่สีเทา และเพียง 20% เท่านั้นที่อยู่ในระบบที่ถูกต้อง
“หากสามารถผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้เข้าสู่ระบบอย่างถูกกฎหมาย รัฐจะสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นมหาศาล รวมถึงสร้างงานคุณภาพให้กับประชาชนในภาคบริการโดยตรง” ดร.ณรงค์ชัยกล่าว
รัฐเสียรายได้ ธุรกิจได้ดี
ข้อมูลระบุว่าในกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียวมีสถานบันเทิงมากกว่า 7,000 แห่ง หากมีการจัดระเบียบและควบคุมอย่างเป็นระบบ จะสามารถสร้างรายได้ให้รัฐในรูปแบบภาษีไม่ต่ำกว่า 200,000-400,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ประเทศในกลุ่ม OECD หลายประเทศสามารถใช้โมเดลนี้ในการเพิ่ม GDP ได้อย่างมีนัยสำคัญ
คุมเข้ม-คุ้มครองแรงงาน
ดร.ณรงค์ชัยเสนอให้มีการออกกฎหมายเฉพาะ และการกำกับดูแลในรูปแบบ “โซนนิ่ง” เพื่อจำกัดผลกระทบทางสังคม รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล พร้อมกับกำหนดค่าตอบแทนให้แรงงานสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำปกติ เช่น กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำไว้ที่ 1.5 เท่าของค่าแรงทั่วไป
“การมีระบบคุ้มครองแรงงานในภาคบริการอย่างจริงจังจะทำให้แรงงานมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ลดการละเมิดสิทธิ และสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรม” เขากล่าว
ชี้ 5 กลุ่มค้านผลประโยชน์ทับซ้อน
อย่างไรก็ตาม แนวคิดการจัดระเบียบธุรกิจบันเทิงยังคงถูกต่อต้านจากหลายกลุ่ม โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. กลุ่มผู้มีผลประโยชน์ในธุรกิจสีเทา
2. ข้าราชการที่อาจเสียผลประโยชน์
3. นักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
4. กลุ่มศีลธรรมจารีต
5. กลุ่มอนุรักษ์นิยมที่ห่วงภาพลักษณ์ประเทศ
ดร.ณรงค์ชัยเสนอว่าทางออกคือการเปิดพื้นที่นำร่องในจังหวัดที่เหมาะสม เช่น ภูเก็ต พัทยา หัวหิน เพื่อทดสอบระบบควบคุม พร้อมจัดเก็บภาษีและสร้างงานอย่างถูกกฎหมาย
“ประเทศไทยสามารถเรียนรู้จากประเทศพัฒนาแล้ว ใช้ระบบกำกับดูแลธุรกิจบันเทิงอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายได้ เพิ่ม GDP และลดอาชญากรรมได้จริง” ดร.ณรงค์ชัยกล่าว.