posttoday

หุ้นแบงก์ร่วงยกแผง วิตกตั้งสำรอง STARK-หนี้เสีย-แรงขายทำกำไร

28 มิถุนายน 2566

หุ้นกลุ่มแบงก์ ร่วงยกแผง โบรกฯ คาดรับแรงขายทำกำไร หลัง YTD ทรงตัว เทียบกับ SET -11% รับเซนติเมนต์เชิงลบข่าว STARK วิตกตั้งสำรองเพิ่ม กังวล NPL และการแก้หนี้ครัวเรือนของ ธปท. คงน้ำหนักลงทุน “Bullish” รับดอกเบี้ยขาขึ้น-สินเชื่อโต ชู BBL และ KTB เป็น Top Pick

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไวราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร วันนี้ (28 มิ.ย.) ล่าสุด เวลา 15.02 น. ปรับลดลง 1.63% หรือปรับตัวลดลง 6.35 บาท มาอยู่ที่ 382.20 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 7,766.47 ล้านบาท 

โดยเฉพาะ LHFG ลดลง 3.60%, BBL ลดลง 2.79%, CIMBT ลดลง 2.63%, SCB ลดลง 2.36% TCAP ลดลง 2.03% TTB ลดลง 1.89% และ KTB ลดลง 1.04% 

หุ้นแบงก์ร่วงยกแผง วิตกตั้งสำรอง STARK-หนี้เสีย-แรงขายทำกำไร

บล.กรุงศรี พัฒนาสิน ระบุว่า ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลง คาดว่าจะมาจาก

1. การขายทำกำไร โดย YTD ทางกลุ่มธนาคาร ทรงตัว เทียบกับ SET -11% หากพิจารณารายตัว TTB +14%, BBL +9%, KTB +8%, SCB ทรงตัว, TISCO -4%, KBANK -12% และ KKP -19%

2. Negative Sentiment สำหรับประเด็นเรื่อง STARK

  • ข่าวกังวลเรื่อง บลจ. บัวหลวง มีการขายขาดทุนหุ้น STARK มองว่าไม่กระทบต่อผลประกอบการของ BBL อย่างมีนัยสำคัญ เพราะพอร์ตการลงทุนของ บลจ. ไม่เกี่ยวข้องกับทางธนาคาร เบื้องต้นคาดว่าอาจมีผลกระทบในเรื่องค่าบริหารการจัดการกองทุน
  • ข่าวกังวลเรื่องการตั้งสำรองของ STARK ทาง KBANK และ SCB ตั้งไปเกือบ 100%แล้ว ธนาคารตั้งโดยไม่หักหลักประกัน ทำให้ผลกระทบจากประเด็นนี้ในอนาคตน้อยมาก

3. ความกังวลเรื่องหนี้เสีย (NPL) และเรื่องการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

อย่างไรก็ตาม คงน้ำหนักการลงทุน Bullish สำหรับกลุ่มธนาคาร เพราะ 1.กลุ่มธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น 2.การเติบโตของสินเชื่อรวม จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น และการขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2566 เติบโตต่อเนื่อง 14% จากปีก่อน รวมถึง ROE คาดขึ้นมาที่ 8.6% โดยคง BBL (BUY, TP23F 200 บาท) และ KTB (BUY, TP23F 24 บาท) เป็น Top Pick