posttoday

PHG ปิดเทรดวันแรก 16.30 บาท ต่ำจอง 22.38%

06 กรกฎาคม 2566

PHG ปิดเทรดวันแรก 16.30 บาท วูบ 22.38% จากราคาไอพีโอ 21 บาท พบบิ๊กล็อต รวม 30.341 ล้านหุ้น ที่ราคา 21 บาท รวม 637.161 ล้านบาท ขายนักลงทุน 5 ราย “ROJNA-ทิพยประกันภัย-บลจ.ดาโอ-สุดา อัศวโภคิน-สมยศ สกุลอิสริยาภรณ์” ตามแผนไฟลิ่ง ฟากผู้บริหาร ลุยขยายธุรกิจตามแผน โบรกฯ ชี้เป้า 29 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (6 ก.ค.2566) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์

โดยเปิดซื้อขายที่ราคา 19.80 บาท ปรับลดลง 1.20 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 5.71% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 21 บาท ระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 21.10 บาท ปรับตัวต่ำสุดที่ 15.70 บาท และปิดซื้อขายที่ราคา 16.30 บาท ปรับลดลง 4.70 บาท หรือคิดเป็นลดลง 22.38% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,243.36 ล้านบาท

ทั้งนี้ วันนี้ (6 ก.ค.) ข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รายงานการซื้อขายผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) หุ้น PHG พบ 20 รายการ จำนวน 30.341 ล้านหุ้น ในราคาเฉลี่ย 21 บาท/หุ้น รวมมูลค่า 637.161 ล้านบาท 

โดยรายการขาย Big Lot ดังกล่าว มีรายงานจากข้อมูลที่ PHG ได้ยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ผู้ถือหุ้นเดิม ได้แก่ 1) นายกมลกฤช ตระกูลช่าง 2) นางสาวธนัญชภัสสร เศรษฐาตินันทน์ 3) นางสาวจุฑาบงกช แย้มสอาด และ 4) พญ. นลนภัส แย้มสอาด มีความประสงค์จะนำหุ้นสามัญจำนวน 29,205,000 หุ้น สัดส่วน 9.74% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO เสนอขายต่อนักลงทุน จำนวน 5 ราย ได้แก่ 

1) บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA ในสัดส่วน 5.00% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO  
2) นางสาวสุดา อัศวโภคิน ในสัดส่วน 3.88% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO 
3) นายสมยศ สกุลอิสริยาภรณ์ ในสัดส่วน 0.47% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO
4) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 0.33% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO
5) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด ในสัดส่วน 0.05% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO 

ทั้งนี้ การซื้อขายดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการเสนอขายในวันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัทเริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านการซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Trade Report-Big Lot) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในราคาจองซื้อ IPO และไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้ โดยหุ้นสามัญดังกล่าวไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการโอนใดๆ และนักลงทุน 5 รายที่ได้กล่าวข้างต้น แต่ละรายไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และการเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบกับโครงสร้างการจัดการและโครงสร้างผู้บริหาร 

อย่างไรก็ตาม หากผู้ถือหุ้นเดิมขายหุ้นให้แก่นักลงทุน 5 รายดังกล่าว ไม่ครบตามจำนวนที่ระบุไว้ข้างต้น จำนวนหุ้นที่ไม่ได้ขายจะถูกจำกัดการขายภายในระยะเวลา 1 เดือนนับจากวันที่หุ้นสามัญเริ่มซื้อขายวันแรกโดยความสมัครใจ (Voluntary IPO Lockup) 

นอกจากนี้ หุ้นสามัญของผู้ถือหุ้นเดิม (รวม “ผู้ที่ไม่มีส่วนร่วมในการบริหาร”) ที่ไม่ได้ติด Silent Period ตามประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การรับหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน พ.ศ. 2558 จำนวน 29,854,909 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 9.95% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะถูกจำกัดการขายภายในระยะเวลา 14 วันนับจากวันที่หุ้นสามัญเริ่มซื้อขายวันแรกโดยความสมัครใจ (Voluntary IPO Lockup)

นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เปิดเผยว่า หลังจากนี้ PHG จะเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อเสริมศักยภาพ และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

สำหรับ PHG มีแผนในการขยายธุรกิจในช่วงปี 2566-2569 โดยนำไปใช้ก่อสร้างอาคารจอดรถภายในปี 2567, ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 1 ภายในปี 2567, ก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใหม่ที่ 2 ภายในปี 2569, ซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายในปี 2567, ชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงินบางส่วนภายในปี 2566 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจภายในปี 2566 

“ในฐานะผู้บริหารจะพยายามรักษาผลการดำเนินงานให้มีความโดดเด่น เดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพ และสร้างเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อไปในอนาคต และที่สำคัญคือการตอกย้ำการเป็นโรงพยาบาลชั้นนำ ด้วยศักยภาพในการให้บริการในระดับสากล” นายรณชิต กล่าว

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ผลการดำเนินงานชะลอตัวระยะสั้นในปี 2566 แม้ว่ารายได้ยังมีทิศทางการเติบโตมาที่ระดับ 2,054 ล้านบาท ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิไว้ที่ระดับ 269 ล้านบาท ลดลง 8.2% ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ผ่อนคลายลงเป็นโรคประจำถิ่นในปี 2566 

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในปี 2567 จะฟื้นตัวขึ้นตามแนวโน้มการใช้บริการการรักษาที่ยังคงมีทิศทางเพิ่มขึ้น คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ระดับ 2,218 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ระดับ 304 ล้านบาท ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ PHG ที่ระดับ 29 บาท