"SCGP"ออเดอร์หาย กำไร Q2 หด 3 โบรกเคาะซื้อ
ขึ้นเพราะอะไร? SCGP ออเดอร์ไม่เข้าเป้า กดกำไรสุทธิ Q2/66 ลดลง 20% ใจดีปันผลระหว่างกาล 0.25 บาท ขึ้น XD 8 ส.ค.นี้ ฟาก 3 โบรกส่องอนาคตดี เชียร์ซื้อ
ราคาหุ้น SCGP ปิดเช้านี้แตะ 39.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท คิดเป็น +3.25% มูลค่าการซื้อขาย 314,015,690 ล้านบาท
บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/66 มีกำไรสุทธิ 1,485 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 20 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,856 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขาย อยู่ที่ 32,216 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระทบต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์ทั้งจากตลาดในประเทศและส่งออก โดยเฉพาะสินค้าคงทนและสินค้าไม่จำเป็น
EBITDA เท่ากับ 4,681 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA Margin อยู่ที่ร้อยละ 15
ส่วนงวด 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 2,705.27 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิ 3,513.89 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจากราคาขายที่ลดลง โดยเฉพาะกระดาษ บรรจุภัณฑ์ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกันกับรายได้จากการขาย
โดยรายได้จากการขายรวม 65,945 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักจากปริมาณและราคาขายของกระดาษ บรรจุภัณฑ์ลดลง ในช่วงที่อุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนและตลาดส่งออกยังชะลอตัว
EBITDA เท่ากับ 9,152 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อ เทียบกับช่วงครึ่งปีหลังของปีก่อน และมี EBITDA Margin อยู่ที่ร้อยละ 14
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงาน ครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 1,073 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 กำหนดวันที่ XD ในวันที่ 8 สิงหาคม 2566 และกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 9 สิงหาคม 2566
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ผันผวน SCGP ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไรโดยการเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน (Chain Integration) และการประสานความร่วมมือของทุกธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ (Synergies) ผ่านการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวเนื่องกัน (Cross-Selling) การรวมซื้อวัตถุดิบแบบรวมศูนย์ (Pool-Sourcing) และการวางแผนการผลิตสินค้า (Product Rationalization) ควบคู่ไปกับการบริหารกระแสเงินสด
สำหรับงบประมาณการลงทุน (CAPEX)เป็นไปด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ โดยในปี66 บริษัทตั้งงบประมาณในการลงทุน (CAPEX) ประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่ง บริษัทยังคงมุ่งเน้นการควบรวมกิจการ (Merger and Partnership: M&P) เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง
3 โบรกเคาะซื้อ
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำซื้อ หุ้น SCGP ให้ราคาเหมาะสม 50 บาท คาดกำไรจะเร่งตัวขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง จากความต้องการเพิ่มขึ้น บวกต้นทุนวัตถุดิบลดลง ต้นทุนถ่านหินลดลง แต่ด้วยราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว หลังทำจุดต่ำสุดที่ 35 บาท ซึ่งเป็นราคา IPO เมื่อ 3 ปีที่แล้ว มองแนวรับ 38 / 39 บาท แนวต้าน 42 / 43.5 บาท
บล.ฟิลลิป แนะนำซื้อ มองแนวรับ 39 บาท แนวต้าน 41.50 / 43 บาท
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 49 บาท แนวโน้มของดีมานด์ในครึ่งปีหลังของบรรจุภัณฑ์จะดีขึ้นจากครึ่งปีแรกได้แรงหนุนจากความต้องการสินค้าบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไทย(สัดส่วน 42% ของยอดขาย) , ประเทศเวียดนาม (สัดส่วน 13% ของยอดขาย) ได้ลด VAT จาก 10% เหลือ 8% ในเดือน ก.ค. เพื่อกระตุ้นการบริโภค, ประเทศอินโดนีเซีย (สัดส่วน 15% ของยอดขาย) เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และ คาดจีน (สัดส่วน 11% ของยอดขาย) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงได้ประโยชน์จากต้นทุนกระดาษรีไซเคิล ค่าระวางและต้นทุนถ่านหินที่ลดลง เราคงประมาณการคาดกำไรปกติปีนี้ 6,596 ล้านบาท เติบโต 14%