'สมรสเท่าเทียม' ใกล้แล้ว! คาดดัน GDP โตขึ้น 0.3%
Agoda คาดกฎหมาย 'สมรสเท่าเทียม' ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปีหน้าจะทำให้ประเทศไทยสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้กว่า 4 ล้านคน ในขณะที่มีรายงานจาก Access Partnership เผย GDP ไทยอาจโตขึ้นจากนโยบายดังกล่าวถึง 0.3%
ตามรายงานของบริษัท Agoda ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เปิดเผยว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มกราคม 2025 ของไทยอาจดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านคนต่อปี หรือราว 10% ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นปีละ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะมาประเทศไทยคาดว่าจะไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวคู่รักเพศเดียวกัน และแขกในงานแต่งงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชุมชน LGBTQIA+ อื่นๆ อีกด้วย
นอกจากนี้จากรายงานที่ปรึกษานโยบายสาธารณะ Access Partnership เปิดเผยการคาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่มตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกกว่า 76,000 ตำแหน่ง และเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศได้ถึง 0.3%
ด้าน ทิโมธี ฮิวจ์ รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กรที่ Agoda กล่าวว่า ตลาดอื่น ๆ เช่น นิวซีแลนด์และสหรัฐอเมริกา พบว่ามีการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากการออกกฎหมายความเท่าเทียมกันในการสมรส
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาประเทศไทย พบว่าประเทศซึ่งสามารถบินได้ภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมงจากประเทศไทย มีประชากรมากกว่า 3.6 พันล้านคนที่ประเทศของพวกเขายังไม่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดบเฉพาะนักเดินทางจากประเทศอินเดีย ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคู่รัก LGBTQIA+ ชาวอินเดียแน่อน
วาดดาว ชุมาพร แต่งเกลี้ยง นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQIA+ และผู้จัดงาน Bangkok Pride กล่าวว่า บางกอกไพรด์กำลังจะจัดงานสมรสหมู่ขึ้น หลังกฎหมายฉบับนี้ผ่าน โดยขณะนี้มีผู้มาลงทะเบียนแล้วกว่า 300 คู่จากเป้าหมาย 1,000 คู่ ซึ่งรวมถึงคู่รักชาวต่างชาติด้วย
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังเล็งที่จะเป็นเจ้าภาพจัดงาน WorldPride ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศระดับโลก โดยช่วงที่นครซิดนีย์ของออสเตรเลียเป็นเจ้าภาพในปี 2023 สามารถทำรายได้ 185.6 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียหรือราว 4,000 ล้านบาท ตามรายงานของ Agoda
ทั้งนี้ ในปี 2022 ตลาดการท่องเที่ยว LGBTQIA+ ทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 211,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องปีละประมาณ 5%-10% ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและความยั่งยืนของสิทธิ LGBTQIA+ ในประเทศต่าง ๆ รวมไปถึง นักท่องเที่ยว LGBTQIA+ มักใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปประมาณ 30%-40% เนื่องจากให้ความสำคัญกับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ เช่น การพักโรงแรมหรู การเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม และการจัดงานแต่งงาน.
อ้างอิง CNBC