posttoday

SET แกว่งในกรอบ 1,515-1,530 จุด รอผลประชุมเฟด

20 กันยายน 2566

SET แกว่งในกรอบ 1,515-1,530 จุด รอติดตามผลการประชุมเฟดในคืนนี้ กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ TOP และ BBL

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET ยังเป็นสัญญาณลบ โดยมีแนวรับถัดไปที่1,515 จุด ซึ่งใช้เป็นกรอบล่างในวันนี้ ขณะที่การฟื้นตัวถูกจำกัด โดยมีกรอบบนบริเวณแนวต้าน 1,530 จุด 

ขณะที่นักลงทุนในตลาดรอติดตามประเด็นสำคัญ สำหรับผลการประชุมเฟดในคืนนี้ ทำให้มองดัชนีมีแนวโน้มแกว่งระหว่างกรอบ 1,515-1,530 จุด

ทั้งนี้ มอง SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,540-1,580 จุด หลังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน โดยในประเทศรอติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ต่างประเทศอยู่ระหว่างจับตาผล การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสำคัญ นำโดย FED (21 ก.ย.) BoE (21 ก.ย.) และBoJ (22 ก.ย.)

โดย InnovestX คาด FED จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ตามตลาดคาด ขณะที่ BoE และ BoJ จะยังดำเนินการใช้นโยบายการเงินตึงตัวต่อไป ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่า กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

1) หุ้นที่คาดได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล (ลดค่าไฟและราคานํ้ามันดีเชล พักหนี้เกษตรกรฯยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวจีน) อีกทั้งครึ่งหลังปี 2566 คาดกำไรจะเติบโต YoY หรือกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เลือกCPALL CRC OSP HTC AOT ERW KCE HANA

2) หุ้น Top Picks กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 4/2566 เลือก AOT BCH CRC KCE KTB

3) หุ้นเก็งกำไรจากกำลังซื้อตะวันออกกลางที่ดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น (ธีมปิโตรดอลลาร์) เลือก AH BH PTTEP BCP

ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TOP ค่าการกลั่นไตรมาส 3/2566 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง หนุนโดยส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน ดีเซล และเบนชิน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ TOP จะช่วยผลักดันผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นอีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ยังหนุนผลประกอบการของกลุ่มได้ผ่านกำไรจากสต็อกน้ำมัน

BBL ไตรมาส 3/2566 และปี 2566 คาดจะรายงานกำไรเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจาก credit cost ที่ลดลงมากสุด NIM ที่กว้างขึ้นพร้อมกับแนวโน้ม upside และสินเชื่อที่เติบโตอย่างยั่งยืน