"TOP" ชูธง 3V ยั่งยืน หวังรัฐหนุนภาษีคาร์บอน
"บัณฑิต ธรรมประจำจิต" บิ๊กบอส TOP วางกลยุทธ์ "Value Maximization - Value Enhancement - Value Diversification" เสริมอนาคตแกร่ง พร้อมหวังรัฐขับเคลื่อนภาษีคาร์บอนสู่เป้า Net Zero
นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) กล่าวในงาน SUSTAINABILITY FORUM 2024 จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ หัวข้อ Special Talk : PTT Synergy for Sustainability ว่า ไทยออยล์ ดำเนินธุรกิจสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมาย Net Zero ปี ค.ศ. 2065 ซึ่งเป็นไปตาม ปตท.ที่ให้ความสำคัญด้าน ESG และได้ทำต่อเนื่องมาหลายปี
ทั้งนี้เนื่องด้วยเป็นอีกกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ช่วยให้อยู่คู่กับผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนได้อย่างยั่งยืน ทั้งผู้ค้า ลูกค้า ชุมชน และสังคม สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านความยั่งยืน และสามารถเติบโตด้านเศรษฐกิจ เมื่อทำได้ดี จะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ นักลงทุนจึงจะสนับสนุน
"แนวคิดเราจะทำให้องค์กรเติบโต มีผลตอบแทนระยะยาว สร้างความมั่นใจ ไม่ว่าจะธุรกิจ องค์กร พนักงานมั่นใจว่า เราจะยังอยู่แม้ว่าธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าจะมา เพราะรูปแบบพลังงานเปลี่ยน ซึ่งเราจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง การที่เรามีความมุ่งมั่นพนักงานจะรู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งของความยั่งยืน"
ล่าสุด ไทยออยล์ได้รับคะแนนสูงสุดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซเป็นปีที่ 8 จากการประเมินผล DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) สะท้อนมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในระดับสากล และยังได้รับการรับรองเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 จากการประเมินดัชนีความยั่งยืนของ S&P Global ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงิน และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ซึ่งในต่างประเทศเลือกด้านยั่งยืนในการตัดสินใจที่จะลงทุนร่วมด้วยเช่นกัน
"ไทยออยล์ทรานฟอร์มรูปแบบธุรกิจในอนาคต ปัจจุบันกำไรสุทธิ 2 ใน 3 ช่วง 5 ปี ย้อนไปมาจากธุรกิจปิโตรเลียม 80-90% และจะทรานฟอร์มไปธุรกิจคาร์บอนต่ำและมีมูลค่าสูง 20% ในอีก 7-10 ปีข้างหน้า พร้อมขยายธุรกิจปิโตรเคมีไปสู่ภูมิภาค อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม อินเดีย เพื่อเพิ่มสัดส่วนกำไรเป้าหมายอนาคต 30% จากปัจจุบัน 14%"
อย่างไรก็ตาม บริษัทวางกลยุทธ์ 3V คือ 1. Value Maximization การต่อยอดจากน้ำมันดิบที่กลั่นมาสู่ปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงโดยใช้ทรัพยากรณ์ที่จำกัดให้คุ้มค่า รวมถึงโครงการพลังงานสะอาดจะตอบโจทย์อนาคต
2. Value Enhancement การบูรณาการห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ โดยเฉพาะการสร้างความแข่งแกร่งต่างประเทศ เพราะในไทยโตในระดับหนึ่งแค่ 2-3%
และ 3. Value Diversification เป็นตัวช่วยตอบโจทย์เมกะเทรนด์ โดยแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ ตอบโจทย์คาร์บอนสร้างความยั่งยืน
"ธุรกิจปัจจุบันต้องลดการปลดปล่อย โดยเฉพาะการศึกษาเทคโนโลยีให้ถูกที่ถูกเวลา การลงทุนเร็วจะทำให้ขีดความสามารถแข่งขันไม่ดี ไทยออยล์จะเป็นองค์กรที่มุ่งสู่องค์กร 100 ปี โดยปีนี้เข้าสู่ปีที่ 63 การจะอยู่ได้อย่างยาวๆจะต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ความร่วมมือของพนักงานเป็นปัจจัยสำคัญ รวมถึงภาครัฐจะต้องสนับสนุนทั้งด้านการลงทุนสิ่งใหม่ๆ และนโยบายภาษีคาร์บอนจะเป็นปัจจัยในการพิจารณาจะเดิน"