posttoday

SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,365-1,380 จุด แนะ “Selective Buy” ชู CPALL และ AOT

13 พฤษภาคม 2567

SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,365-1,380 จุด จับตา GDP ไทย ในไตรมาส 1/67 และเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน เม.ย. กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ CPALL และ AOT

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET เคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบระหว่าง 1,365-1,380 จุด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่มีอิทธิพลต่อตลาดนัก และนักลงทุนในตลาดรอติดตามประเด็นสำคัญในวันพุธนี้ สำหรับ ตัวเลข GDP ไทย ในไตรมาส 1 และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน เม.ย.

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยยังให้น้ำหนักกับการติดตามโค้งสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของกลุ่ม Real Sector ที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้เป็น สัปดาห์สุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะยังเห็นภาพการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานที่ช้า ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐและยูโรโซนที่จะประกาศออกมาคาดยังไม่เห็นสัญญาณการปรับลง ซึ่งอาจกดดันตลาดการเงินในช่วงสั้นได้ อย่างไรก็ดี ภาพการผลิตของจีนคาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นธีม Earning Play สำหรับเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ซึ่งคาดจะเติบโตดี YoY และจะประกาศในสัปดาห์นี้ อีกทั้งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก เลือก AOT BDMS BEM ERW MINT BCH OSP

2) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรในหุ้นคาดมีโมเมนตัมกำไรไตรมาส 2/2567 เติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก BEM KCE HMPRO THRE TIDLOR

3) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง และรายงานสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งยังเป็นทิศทางตามฤดูกาล ในกรณีฐานที่เป็นสงครามเงา ราคาน้ำมันดิบ Bent จะอยู่ในระดับที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้นการมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CPALL กำไรปกติไตรมาส 1/2567 +59%YoY และ +7%QoQ สูงกว่าคาด 20% จากมาร์จิ้นกว้างขึ้นและโตดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ ขณะที่กำไรไตรมาส 2/2567 คาดเติบโต YoY จากยอดขายสาขาเดิมที่โตดีที่สุดในกลุ่มฯ และปี 2567 คาดมีกำไรเติบโต 28%YoY ซึ่งยังไม่ได้รวม upside ของกำไรที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

AOT ไตรมาส 2/2567 (ม.ค.-มี.ค.2567) คาดกำไรปกติที่ 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 203%YoY และ 25%QoQ ขณะที่ปี 2567 (ต.ค.2566 - ก.ย.2567) คาดกำไรจะกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 2.3 หมื่นล้านบาท อิงกับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 75.6 ล้านคน (90% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19)