posttoday

SET ยังขาดปัจจัยใหม่ จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ แนะ “Selective Buy” ชู CPF และ AOT

14 พฤษภาคม 2567

SET ยังขาดปัจจัยใหม่หนุน รอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐทำให้ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 1,365-1,380 จุดกลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ CPF และ AOT

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า ตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี และนักลงทุนรอติดตามประเด็นสำคัญในวันพุธนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน เม.ย. ทำให้คาดดัชนียังเคลื่อนไหวอยู่ ภายในกรอบ โดยกรอบบนมีแนวต้านที่ 1,380-1,385 จุด ส่วนกรอบล่างมีแนวรับอยู่ที่ 1,365 จุด

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยยังให้น้ำหนักกับการติดตามโค้งสุดท้ายของการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของกลุ่ม Real Sector ที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้เป็น สัปดาห์สุดท้าย ซึ่งคาดว่าจะยังเห็นภาพการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานที่ช้า ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐและยูโรโซนที่จะประกาศออกมาคาดยังไม่เห็นสัญญาณการปรับลง ซึ่งอาจกดดันตลาดการเงินในช่วงสั้นได้ อย่างไรก็ดี ภาพการผลิตของจีนคาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นธีม Earning Play สำหรับเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ซึ่งคาดจะเติบโตดี YoY และจะประกาศในสัปดาห์นี้ อีกทั้งมองราคาหุ้นยังไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก เลือก AOT BDMS BEM ERW MINT BCH OSP

2) สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรในหุ้นคาดมีโมเมนตัมกำไรไตรมาส 2/2567 เติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก BEM KCE HMPRO THRE TIDLOR

3) สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง และรายงานสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งยังเป็นทิศทางตามฤดูกาล ในกรณีฐานที่เป็นสงครามเงา ราคาน้ำมันดิบ Bent จะอยู่ในระดับที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้นการมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CPF ไตรมาส 1/2567 พลิกมีกำไรปกติ 532 ล้านบาท ดีกว่าคาด ส่วนไตรมาส 2/2567 คาดกำไรโต QoQ จากราคาสัตว์บกปรับตัวดีขึ้นในไทยและเวียดนาม ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2567 จาก 1 พันล้านบาท สู่ 6 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง และส่วนแบ่งกำไรที่ขึ้น

AOT ไตรมาส 2/2567 (ม.ค.-มี.ค.2567) คาดกำไรปกติที่ 5.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 203%YoY และ 25%QoQ ขณะที่ปี 2567 (ต.ค.2566 - ก.ย.2567) คาดกำไรจะกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 2.3 หมื่นล้านบาท อิงกับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 75.6 ล้านคน (90% ของระดับก่อนเกิดโควิด-19)