SET ขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,330-1,335 จุด แนะ “Selective Buy” ชู AOT และ KTB
SET ปรับขึ้นได้ต่อ ลุ้นทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,330-1,335 จุด จับตา ประชุม กนง. พรุ่งนี้ กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ AOT และ KTB
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET ปรับขึ้นได้ต่อ ด้วยแรงหนุนทิศทาง fund flow ที่คาดไหลเข้า จากเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง และ sentiment บวกตลาดหุ้นสหรัฐ หลังคลายกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย ด้านแนวต้านสำคัญอยู่ที่กรอบบนเดิมบริเวณ 1,330-1,335 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวกในภาพรวม ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,310 และ 1,300 จุด ประเด็นสำคัญถัดไป ติดตามประชุม กนง. วันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะยังผันผวน ระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อทราบถึงนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายการบริหารประเทศ อย่างไรก็ดี ประเมินจุดตั้งรับสำหรับการเข้าซื้อจะอยู่ที่บริเวณ 1,280 จุด ขณะที่ตัวเลข PMI ส.ค. ของอียูและสหรัฐ ที่จะประกาศออกมา คาดยังอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมองถึงการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด สอดคล้องกับรายงานการประชุมเฟด ส่วนสัปดาห์นี้การประชุม กนง. คาดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.5% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy“ ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้
1) หุ้นกลุ่ม Earnings Play ซึ่งมีโมเมนตัมกำไรยังดี โดยไตรมาส 3/2567 คาดเติบโต YoY และ QoQ ส่วนครึ่งหลังปี 2567 คาดเติบโต HoH และ YoY อีกทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก DELTA GULF TU BTG BDMS TRUE BEM
2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต แนะนำหุ้นปันผลสำหรับลงทุนระยะสั้น เลือก BCP TU ซึ่งคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรครึ่งแรกปี 2567 โดยให้ Div. Yield 2%
3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว เลือก ADVANC AOT BDMS BBL CPALL KTB GULF
4) ราคาน้ำมันดิบ Brent ฟื้นตัว จากความไม่สงบในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากขึ้น และยังมีการโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันในรัสเซียกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยประเมินกรอบราคา 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้ยต้น อย่าง PTTEP
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ AOT มองราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวหลังปลดล็อก overhang หยุดประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าแล้ว ขณะที่กำไรมีแนวโน้มปรับขึ้นสอดคล้องอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่เติบโต ประเมินกำไรปกติไตรมาส 4/2567 (ก.ค.-ก.ย.2567) จะเติบโต YoY และปี 2567 มีกำไรปกติที่ 1.93 หมื่นล้านบาท เติบโตเด่น 109%YoY
KTB มองได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะสั้นของรัฐ คาดกำไรครึ่งหลังปี 2567 เพิ่มขึ้น YoY คาดปี 2567 กำไรโต 11% จาก Credit Cost ที่ลดลง สินเชื่อที่เติบโต NIM ที่ดีขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโต ขณะที่ความเสี่ยงคุณภาพ สินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และมี Valuation ถูก PER 67F ที่ 6.2x (-2SD)