posttoday

คำต่อคำ “วิษณุ-ศิริญา” ลั่นไม่ได้ไซฟ่อน หลัง ก.ล.ต. ฟันอดีตผู้กุมอำนาจ NUSA

25 กันยายน 2567

คำต่อคำ “วิษณุ-ศิริญา เทพเจริญ” เปิดเอกสารสู้ ยืนยันมีหลักฐานชัดเจนทุกธุรกรรม-ไม่ได้ไซฟ่อนเงิน หลัง ก.ล.ต. กล่าวโทษ กรรมการ อดีตกรรมการและผู้บริหาร NUSA กับพวกรวม 6 ราย ต่อ DSI กรณีทุจริตและการแสดงเอกสาร-ข้อมูลเท็จ พร้อมส่งเรื่องต่อ ปปง.

วันนี้ (25 ก.ย.2567) นายวิษณุ เทพเจริญ อดีตประธานกรรมการ บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA และนางศิริญา เทพเจริญ อดีตรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด NUSA เปิดให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและเปิดเผยเอกสารและทุกข้อสงสัย

หลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการ อดีตกรรมการและผู้บริหาร NUSA กรณีทุจริตและการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมส่งเรื่องต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

โดยพบพยานหลักฐานที่แสดงได้ว่าในช่วงปี 2563 ได้ร่วมกันกระทำการโดยทุจริตลงทุนซื้อโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี (Panacee) ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินที่ประเมินด้วยวิธีเปรียบเทียบราคาตลาด (Market approach) อย่างไม่สมเหตุสมผล 

นอกจากนี้ ร่วมกันกระทำการโดยทุจริตขายห้องชุดซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน 

รวมทั้งผ่องถ่ายเงินออกจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น จนทำให้ NUSA ได้รับความเสียหาย

รวมไปถึงนำส่งพยานหลักฐานเอกสารและข้อมูลอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. โดยได้นำส่งรายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเป็นเท็จ เพื่อลวงไม่ให้ ก.ล.ต. ทราบมูลค่าที่แท้จริงตามบัญชีของโรงแรมดังกล่าว

อีกทั้งทำการตกแต่งบัญชีเพื่อลวงผู้สอบบัญชีของบริษัทให้เชื่อว่า NUSA ได้รับชำระหนี้ค่าห้องชุดครบถ้วนจากบริษัทผู้ซื้อแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้สอบบัญชีมีข้อสงสัยในการบันทึกบัญชีของธุรกรรมข้างต้น 

ยันไม่ได้ซื้อโรงแรมเยอรมนีสูงกว่าราคาประเมิน

การซื้อขายโรงแรมโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี (Panacee) ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องทุกประการ และมีการประเมินราคา โดย บริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด 

การซื้อขายโรงแรมนี้ได้ทำการซื้อขายกันที่ราคา 20 ล้านยูโร ในขณะที่ราคาประเมินมูลค่ายุติธรรมวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach) อยู่ที่ 19.83-21.37 ล้านยูโร 

ดังนั้นบริษัทก็ไม่ได้ซื้อในราคาสูงเกินกว่าราคาประเมิน กรรมการบริษัทได้พิจารณาด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงประโยชน์ของบริษัทเป็นสำคัญ และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด 

“เรื่องราคาที่เราซื้อมาราคา 740 ล้านบาท ราคานี้ เมื่อคำนวนแล้ว เนื้อที่ 10,000 กว่าตารางเมตร ห้องพักอีก 75 ห้อง ได้ธุรกิจ Wellness และได้แบรนด์ของธุรกิจมาด้วย ราคานี้จึงถือว่าไม่แพง และคุ้มค่ากับการลงทุนมาก”

เปิดหลักฐานราคาประเมินโรงแรม 2 ฉบับ

เอกสารการประเมินมูลค่าราคาซื้อขายโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ประเทศเยอรมัน มี 2 ฉบับ โดยฉบับแรกเป็นเอกสารประเมินมูลค่าสินทรัพย์เมื่อปี 2561 มูลค่า 11.50 ล้านยูโร หรือ 425 ล้านบาท ส่วนฉบับที่ 2 เป็นการประเมินมูลค่าการซื้อหุ้นโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ประเทศเยอรมัน เมื่อปี 2564 มูลค่า 20 ล้านยูโร หรือ 740 ล้านบาท 

ในความเป็นจริงเอกสารที่ส่งไปยัง ก.ล.ต. นั้น เป็นเอกสารที่แท้จริงและได้รับการลงลายมือชื่ออย่างถูกต้อง เอกสารมีหลายเวอร์ชั่น เกิดจากกระบวนการที่เอกสารถูกนำไปใช้ในรูปแบบต่างๆ ของการดำเนินธุรกิจ การเปลี่ยนจากการซื้อสินทรัพย์เป็นการซื้อหุ้นจึงมีการยื่นเอกสารใหม่ให้กับบอร์ดพิจารณา ซึ่งเอกสารเหล่านี้มีการตรวจสอบและยืนยันว่าเป็นของจริงทุกประการ

“เรามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อขายจากซื้อสินทรัพย์เป็นการซื้อหุ้น จึงยื่นเอกสารประเมินราคาประมูลมูลค่าการซื้อขายหุ้นฉบับที่ 2 ให้ ก.ล.ต. ซึ่งก็ไปตามธถรกรรมที่เราทำ ส่วนราคาประเมินปี 2564 สูงกว่าราคาประเมินปี 2561 เพราะได้รวมมูลค่าการรีโนเวทอาคาร และการได้มาของธุรกิจสุขภาพ รวมถึงแบรนด์ Panacee เยอรมัน ทำให้ราคาประเมินที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2564 มีมูลค่าที่สูงขึ้นมากกว่าปี 2561” 

เหตุผลซื้อโรงแรมเยอรมนีตามแผนธุรกิจ

การเข้าลงทุนซื้อโรงแรมในครั้งนี้ เพราะเราได้เล็งเห็นว่า ในสถานการณ์ ณ เวลานั้น ธุรกิจหลักของบริษัท ในด้านอสังหาริมทรัพย์ กำลังที่จะถอยลง เราจึงมองหาธุรกิจด้านใหม่ที่จะสามารถทำให้บริษัทสามารถไปต่อได้ และเห็นแล้วว่าธุรกิจด้านสุขภาพ น่าจะเป็นธุรกิจที่จะสามารถทำกำไรและไปต่อได้ดีทั้งในวันนี้และในอนาคต ผู้บริหารจึงได้มุ่งมั่นที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจด้านนี้ 

ดังนั้นเราจึงเริ่มลงทุนในการซื้อกลุ่ม Panacee ทั้งประเทศไทย และประเทศจีน เมื่อปี 2561 โดยมีการวางแผนธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่ ปี 2562-2563 ว่าจะทำการหาลูกค้าหรือมองกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่ม high end ทางผู้บริหารได้เล็งเห็นว่าลูกค้าชาวจีนน่าจะมีศักยภาพสูงที่จะเป็นลูกค้าของเราได้ ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็ไปซื้อ

เราจึงได้เข้าพูดคุยเรื่องแผนธุรกิจนี้ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า หากเราเข้าทำธุรกิจด้านสุขภาพกับทางจีน เรามีเงื่อนไขการส่งลูกค้าที่จะไปใช้บริการที่เยอรมันปีละ อย่างน้อย 200-300 คน ซึ่งถ้าเราได้กลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ ก็จะทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลและโรงแรมทำรายได้ให้แก่บริษัทมากขึ้น เราจึงเข้าซื้อที่เยอรมัน ซึ่งก็จะทำให้เราได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และก็จะสามารถดำเนินธุรกิจนี้ได้อย่างมั่นคง

ขายห้องชุดถูกกว่าราคาประเมินแต่มีกำไร

เราได้มีการขายห้องชุดจริง ซึ่งเป็นการขายในช่วงวิกฤตโควิดที่สภาวะทางเศรษฐกิจในขณะนั้น ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัว ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ แต่ถึงแม้ว่า NUSA จะขายห้องชุดในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิดได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน แต่ก็สามารถขายได้สูงกว่าต้นทุนทางบัญชี และเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับกิจการได้อย่างมาก 

การขายครั้งนั้น NUSA ขายได้ในราคา 210 ล้านบาท  จากราคาที่เราซื้อมา 180 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่ามีกำไร และได้นำเงินไปชำระคืนสถาบันการเงินเพียง 62 ล้านบาท คงเหลือกระแสเงินสดกว่า 100 ล้านบาท และนอกจากนี้ NUSA ยังได้ปลดหลักประกันกับสถาบันการเงินเป็นห้องชุด โครงการ Parc Exo อีก 456 ยูนิต มูลค่าทางบัญชีเกือบ 700 ล้านบาท

ท้าตรวจเส้นทางเงินให้สุดทาง-ไม่ได้ไซฟ่อน

การโอนเงินในธุรกรรมการซ์้อขายโรงแรมที่เยอรมนี ไม่ได้เป็นผ่องถ่ายเงินจาก NUSA เข้ามาส่วนตัว แต่เนื่องจากในช่วงที่เกิดโควิด-19 NUSA เกิดการขาดสภาพคล่อง ทำให้ได้ขอผู้ขายว่าจะทยอยจ่ายเงินเป็นงวดๆ ทำให้เกิดเป็นธุรกรรมการโอนเงินหลายครั้ง

“หากจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ก็อยากให้มีการตรวจสอบให้สุดทางว่าเงินมันได้มาอยู่ในบัญชีออมทรัพย์เรามั้ย และเราไม่ได้กังวล เพราะเราไม่ได้ทำ เราไม่เคยไซฟ่อนเงินออก มีแต่ไซฟ่อนเงินเข้าบริษัท” 

ฝากเรื่องถึง ก.ล.ต.

อยากให้ ก.ล.ต. ดูที่เจตนา เราสร้างบริษัทนี้มา 25-27 ปี ตั้งแต่มีทุนจดทะเบียน 200 บ้านบาท ปัจุบันทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 13,000 ล้านบาท แล้ว เราทำงานผ่านมาทุกวิกฤตไม่เคยทำให้บริษัทเสียหายมาโดยตลอด การกล่าวโทษเราครั้งนี้ ทำให้เราเกิดความเสียหาย เพราะยังไม่ได้เกิดเป็นความผิดสำเร็จ เสียชื่อเสียง และฝากถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วยว่าเราไม่มีเหตุที่จะทำให้ NUSA เกิดความเสียหาย เพราะเรา และกลุ่มพักพวก ยังถือหุ้นอยู่อีก 20%

“เมื่อโดนข้อกล่าวหาข้างต้น จึงอยากขอวิงวอนให้ ก.ล.ต.มองไปถึงเจตนาในการเข้าทำธุรกิจต่างๆ หรือการลงุทน ว่าเราไม่ได้มีเจตนาทำให้บริษัทเสียหายหรือขาดทุน แต่เราพยายามทำให้บริษัทของเราอยู่รอดและเติบโตไปยิ่งขึ้นไป”

ทั้งนี้ ก.ล.ต. เคยตั้งข้อสงสัยและสอบถามมายังข้าพเจ้าและคณะกรรมการ NUSA ชุดเก่าว่า ก.ล.ต. พบว่าน่าจะมีกลุ่มบุคคลเข้าทำการครอบงำ NUSA ซึ่งในครั้งนั้นคณะกรรมการไม่เชื่อว่ามีเหตุเช่นนั้นและได้ตอบข้อซักถาม ก.ล.ต.ไปตามความเห็นและความเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจในขณะนั้นว่าไม่มีการครอบงำใดๆ แต่ต่อมากลับมีข้อเท็จจริงปรากฏเป็นการยืนยันได้ ว่ามีการครอบงำของกลุ่มบุคคลใน NUSA จริง ในส่วนนี้ได้ร้องเรียนไปยัง ก.ล.ต. แล้ว ยังไม่ได้รับความคืบหน้า

“ต้องขอชื่นชม ก.ล.ต. เกี่ยวกับการเร่งรัดเรื่องนี้เร็วเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับข้อร้องเรียนของกลุ่มตนเองที่ยื่นให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบ เช่น การครอบงำกิจการ ผ่านไป 9 เดือน เรื่องยังไม่คืบหน้า”

ขอสื่ออย่าเสนอข่าวเกินจริง

ขอให้สื่อมวลชนทุกท่านช่วยนำเสนอข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่ความเสียหายทั้งต่อชื่อเสียงของบริษัทและครอบครัวของผู้บริหาร ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ทำให้เกิดผลกระทบทางลบอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงยังไม่ถูกนำเสนออย่างครบถ้วนและถูกต้อง

มูฟออน เดินหน้าทำธุรกิจใหม่

ปัจจุบันเรามีโรงแรมส่วนตัว ปล่อยไฟแนนซ์ กำลังทำโปรเจกซ์ใหม่ ซึ่งจะมีการเปิดตัวในเดือน ต.ค.นี้ เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเชื่อมต่อไปยังท่องเที่ยว และจะไม่นำธุรกิจของตนเองเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกแล้ว

“จะยังไม่พิจารณาการขายหุ้น NUSA ที่ถืออยู่ออกไป เพราะราคาหุ้น NUSA ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ แต่หากกลุ่มผู้บริหารใหม่นำพาบริษัทให้เติบโตได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น แต่หากทิศทางของ NUSA มีแนวโน้มไม่ดี ก็อาจจะพิจารณาขายหุ้นออกมาได้ เพื่อนำเงินมาใช้ในการดำเนินธุรกิจที่เราเตรียมเปิดตัว”

แฉกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ไม่จ่ายเงินพนักงาน 

ฝากไปถึงกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ ที่แจ้งว่ามีสภาพคล่อง และฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ช่วยจ่ายเงินเดือนพนักงานของ 3 บริษัทย่อย NUSA จำนวนรวมกว่า 30 คนด้วย หลังจากที่ไม่ได้จ่ายเงินเดือนมา 1 เดือน โดยปัจจุบันพนักงานกลุ่มดังกล่าวได้ไปแจ้งเรื่องยังกรมแรงงานแล้ว