posttoday

SET ยังพักตัวอยู่ ขาดปัจจัยหนุนใหม่ แนะ “Selective Buy” ชู AOT และ BBL

01 ตุลาคม 2567

SET ยังอยู่ในช่วงพักตัว ขาดปัจจัยหนุนใหม่ และตลาดหุ้นจีนปิดทำการช่วง Golden Week ฉุดมูลค่าซื้อขายลดลง กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ AOT และ BBL

          บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET ยังอยู่ในช่วงพักตัว และตลาดที่ขาดปัจจัยหนุนใหม่ ทำให้ดัชนีมี upside จำกัด โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,460 และ 1,470 จุด ตามลำดับ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนที่ปิดทำการในช่วง Golden Week ทำให้มูลค่าซื้อขายลดลง และตลาดรอดูตัวเลขการจับจ่ายใช้สอยหลังเทศกาล ทั้งนี้ ยังต้องระวังด้าน downside ของดัชนีอยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,440 และ 1,435 จุด ตามลำดับ

          ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะยังแกว่งตัว Sideway Up แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยภายนอกและจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยที่จะกลับเข้าสู่ขาลง (คลัง และ ธปท. จะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้) และนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทคาดจะยังหมุนการไหลเข้าของ Fund Flow โดยประเมินว่าหาก SET จะปรับขึ้นได้แรง ต้องเกิดจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนก่อนหน้านี้คาดจะยังให้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนและสหรัฐ คาดจะยังชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy“ ใน 3 ธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

          1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี ให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูง ตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผล ประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO 

          2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)

          3. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%

          ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรุนแรงในไตรมาส 3/2567 มองจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก แนะนำหลักเลี่ยงการลงทุนช่วงสั้น ได้แก่ TU GFPT และ CBG KCE ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทแข็งค่า แนะนำ AAV GULF GPSC และ BCP

          สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ AOT ไตรมาส 4/2567 คาดกำไร ปกติ 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%YoY (จากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 10%QoQ (จากรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ที่ลดลง) และโมเมนตัมกำไรจะแข็งแกร่งขึ้น YoY และ QoQ ในไตรมาส 1/2568 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และยังมีปัจจัยบวกหนุนจากช่วง Golden Week ของวัน

          BBL เป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร เนื่องจาก valuation ในแง่ PBV/ROE น่าสนใจที่สุด และความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ ขณะที่ไตรมาส 3/2567 คาดกำไรปกติจะเติบโต 5%YoY และ 1%QoQ แรงหนุนจากการตั้งสำรอง (credit cost) ที่ลดลง รวมทั้งสินเชื่อและ non-NII (กำไรจากเครื่องมือทางการเงิน) ยังมีการเติบโต