posttoday

สแกนแนวโน้มกำไร 7 หุ้นกลุ่มแบงก์ ไตรมาส 3/67 ใครท็อปฟอร์มสุด?

03 ตุลาคม 2567

เช็คงบ 7 หุ้น “กลุ่มแบงก์” ทยอยประกาศ 15-21 ต.ค.นี้ โบรกฯ ประเมินกำไรสุทธิ 52,179 ล้านบาท โต 3%YoY แต่ลดลง 3%QoQ รับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยพุ่ง จากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน ลุ้น “TTB” กำไรเด่นสุด โตทั้ง YoY และ QoQ ส่วน KBANK กำไรอู้ฟู่สุด

          สิ้นเดือน ก.ย.2567 ที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้ปิดงบไตรมาส 3/2567 กันไปแล้ว และจะทยอยประกาศผลการดำเนินงานภายในวันที่ 15 พ.ย.2567 ประเดิมด้วยงบของ “กลุ่มแบงก์” เป็นกลุ่มแรก ซึ่งจะประกาศงบในช่วงวันที่ 15-21 ต.ค.2567

          ดังนั้น “โพสต์ทูเดย์” จึงหยิบยกบทวิเคราะห์ของ บล.กรุงเศรี ซึ่งได้มีการประเมินแนวโน้มกำไรของ “หุ้นกลุ่มแบงก์” ในไตรมาส 3/2567 มาเพื่อข้อมูลสำหรับนักลงทุน

          ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี ประเมินว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 คาดว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ศึกษาจำนวน 7 แห่ง ได้แก่ BBL, KBANK, KTB, SCB, TTB, KKP และ TISCO จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 50,467 ล้านบาท เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL)

          ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 3/2567 ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 53,547 ล้านบาท เพราะ 1) รายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง 1% จากไตรมาสก่อน จาก NIM ที่ 3.10% ลดลงจากไตรมาสก่อน ที่ 3.15% จากการ repricing fixed deposit นอกจากนั้นสินเชื่อรวม ลดลง 0.8% จากไตรมาสก่อน คิดเป็นลดลง 0.8% YTD จากทุกกลุ่มสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อภาคธุรกิจ สินเชื่อภาครัฐ สินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อย 

          2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง 1% จากไตรมาสก่อน รายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน จาก bancassurance และ brokerage fee สำหรับคุณภาพสินทรัพย์คาดอ่อนแอต่อเนื่อง NPL ratio ที่ 3.75% เพิ่มจาก 3.68% ในไตรมาสก่อน หลักๆ จากกลุ่มลูกค้ารายย่อย 

          ทั้งนี้ คาดธนาคารรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2567 เติบโตจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) คือ TTB ที่ 5,390 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14%YoY และเพิ่มขึ้น 1%QoQ) 

          ธนาคารรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ คือ BBL ที่ 11,460 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1%YoY แต่ลดลง 3%QoQ), KBANK ที่ 12,100 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7%YoY แต่ลดลง 4%QoQ), KTB ที่ 10,960 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7%YoY แต่ลดลง 2%QoQ) และ SCB ที่ 9,700 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 0.4%YoY แต่ลดลง 3%QoQ) 

          ธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง YoY เพิ่มขึ้น QoQ คือ KKP ที่ 870 ล้านบาท (ลดลง 32%YoY แต่เพิ่มขึ้น 13%QoQ) 

          ธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลง YoY และ QoQ คือ TISCO ที่ 1,700 ล้านบาท (ลดลง 9%YoY และลดลง 3%QoQ)   

สแกนแนวโน้มกำไร 7 หุ้นกลุ่มแบงก์ ไตรมาส 3/67 ใครท็อปฟอร์มสุด?

          ดังนั้น คงน้ำหนักการลงทุนเป็น NEUTRAL สำหรับกลุ่มแบงก์ ภาพรวมมองว่าช่วงครึ่งหลังปี 2567 ธนาคารมีความเสี่ยงเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น น้ำท่วม และค่าครองชีพที่ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้กำลังซื้อหดตัวลง และความสามารถในการชำระคืนหนี้น้อยลง 

          อย่างไรก็ตาม การเมืองไทยมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้คาดว่านโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดการตกชั้นของลูกหนี้ลง ทำให้คาดว่ามีโอกาสเห็นการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) และ NPL Ratio ในปี 2568-2569 ได้

          นอกจากนี้ ธนาคารคงมีปันผลน่าสนใจ Dividend Yield 4-9% ต่อปี โดยคง KBANK (BUY ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 180 บาท) และ KTB (BUY ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 24 บาท) เป็น Top Pick