posttoday

SET ลุ้นฟื้นตัว แม้มีปัจจัยกดดัน แนะ “Selective Buy” ชู PTTEP และ CPALL

04 ตุลาคม 2567

SET รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า แต่ลุ้นฟื้นตัวจากแนวรับ 1,430-1,435 จุด กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ PTTEP และ CPALL

          บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า แม้ SET ยังได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่า เป็นลบต่อทิศทาง fund flow กดดันดัชนี อย่างไรก็ตาม ให้ติดตามแนวรับที่ 1,430-1,435 จุด ซึ่งมองเป็นจุดลุ้นฟื้นตัว และยังมีเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ช่วยประคอง รวมถึงแรงหนุนกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นแรง ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,450-1,460 จุด

          ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET จะยังแกว่งตัว Sideway Up แต่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยภายนอกและจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับแรงหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยที่จะกลับเข้าสู่ขาลง (คลัง และ ธปท. จะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้) และนโยบายผลักดันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาทคาดจะยังหมุนการไหลเข้าของ Fund Flow โดยประเมินว่าหาก SET จะปรับขึ้นได้แรง ต้องเกิดจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ และท่องเที่ยว ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนก่อนหน้านี้คาดจะยังให้ผลตอบแทนดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการของจีนและสหรัฐ คาดจะยังชะลอตัวลง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy“ ใน 3 ธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้

          1. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากกองทุนวายุภักษ์รอบใหม่ โดยเลือกหุ้น SET100 ที่มีคุณสมบัติ 1) จ่ายเงินปันผลดี ให้ Dividend Yield ขั้นต่ำปีละ 3.5% 2) มี ESG Ratings สูง ตั้งแต่ระดับ A-AAA และ CG ระดับ 5 ดาว และ 3) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และผล ประกอบการมีแนวโน้มเติบโตได้ในปี 2025 เลือก KTB BBL BCP ADVANC HMPRO 

          2. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งคาดได้อานิสงส์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง แนะนำ กลุ่มเช่าซื้อ (MTC) กลุ่มอสังหาฯ (AP) กลุ่มค้าปลีก (CPALL) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF) กลุ่ม REITs (LHHOTEL DIF)

          3. นักลงทุนที่ต้องการหุ้นเก็งกำไรซึ่งได้อานิสงส์บวกจากสถานการณ์น้ำท่วม แนะนำ HMPRO GLOBAL CPALL BJC DCC และ TASCO ซึ่งจากสถิติปีที่เกิด La Nina หากลงทุนช่วงครึ่งหลัง ก.ย. และขายต้น พ.ย. คาดหวังจะได้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 5.0%

          ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรุนแรงในไตรมาส 3/2567 มองจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นที่มีรายได้จากการส่งออก แนะนำหลักเลี่ยงการลงทุนช่วงสั้น ได้แก่ TU GFPT และ CBG KCE ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรหุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทแข็งค่า แนะนำ AAV GULF GPSC และ BCP

          สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ PTTEP มองราคาน้ำมันที่แข็งแกร่งในระยะสั้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น อีกทั้งราคาหุ้นยังคงปรับขึ้นช้ากว่าราคาน้ำมัน และเป็นหุ้นที่เป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณี กังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง ขณะที่ผลการดำเนินงานและงบดุลของบริษัทยังแข็งแกร่ง โดยปี 2567 คาดมีกำไรปกติ 8.27 หมื่นล้านบาท เติบโต 5%YoY ทั้งนี้ แนะนำราคาเข้าซื้อวันนี้ไม่เกิน 135 บาท

          CPALL กำไรครึ่งหลังปี 2567 คาดจะเติบโต YoY ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยไตรมาส 3/2567 คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วนไตรมาส 4/2567 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season อีกทั้ง valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 67F ระดับ 25 เท่า (-2SD)