posttoday

เปิดสถิติกองทุนวายุภักษ์ พยุงตลาดหุ้นไทยแกร่ง

09 ตุลาคม 2567

ย้อนสถิติกองทุนวายุภักษ์ พยุงตลาดหุ้นไทยแข็งแกร่ง พบในปี 46 Vayupak 1 ดันหุ้นไทยพุ่ง 153 จุด หรือเพิ่มขึ้น 23% ล่าสุดปี 67 เม็ดเงิน VAYU1 เพียง 6 วันทำการ หนุนดัชนีเพิ่มขึ้น 3.97 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.27% และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 18,985 ล้านบาท

          หลังจาก กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง หรือ VAYU1 ได้เปิดให้ผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นผู้ลงทุนรายย่อยจองซื้อไปเมื่อวันที่ 16-20 ก.ย.2567 และผู้ลงทุนสถาบัน จองซื้อไปเมื่อวันที่ 25-27 ก.ย.2567 จากนั้นเม็ดเงินลงทุนกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าลงทุนวันแรก เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 และเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2567 

          ทั้งนี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้รวมรวบข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า นับตั้งแต่วันที่ 1-8 ต.ค.2567 รวมเป็นระยะเวลา 6 วันทำการ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.97 จุด คิดเป็นเพิ่มขึ้น 0.27%  

          โดยวันที่ 1 ต.ค.2567 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.83 จุด จากนั้นวันที่ 2 และ 3 ต.ค.2567 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 13.26 จุด และ 8.67 จุด ตามลำดับ ต่อมาวันที่ 4, 7 และ 8 ต.ค.2567 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.52 จุด 7.95 จุด และ 0.60 จุด ตามลำดับ 

          ขณะเดียวกัน นักลงทุนสถาบันในประเทศ ได้มีการซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง 6 วันทำการ (1-8 ต.ค.2567) รวมมูลค่า 18,985.35 ล้านบาท 

เปิดสถิติกองทุนวายุภักษ์ พยุงตลาดหุ้นไทยแกร่ง

ย้อนรอย “วายุภักษ์” หนุนหุ้นไทย  

          บล.กรุงศรี ระบุว่า ในอดีตช่วงที่ Vayupak เริ่มเข้ามาในตลาดหุ้น คือ 1 ธ.ค. 2546 โดย Vayupak 1 เริ่มซื้อขาย SET Index นับจาก 1 ธ.ค.2546-จุด Peak (12 ม.ค.2547) หรือปรับขึ้นรวม 153 จุด คิดเป็นเพิ่มขึ้น 23% โดยกลุ่มนักลงทุนที่เป็นฝั่งหนุนให้ SET Index ปรับขึ้นในรอบนั้น คือ ภายในประเทศ (นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิรวม 9.44 พันล้านบาท, นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิรวม 2.37 พันล้านบาท) 

          โดยรวม บล.กรุงศรี ประเมินดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 1,540 จุด (PER2024 17.1X  EPS24 ที่ 90.0) แรงหนุนมาจากการเมืองภายในชัดหนุนการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2567 โต 2.4% และปี 2568 คาดโต 2.8-3.0% และ Key สำคัญคือปัจจุบันเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์เริ่มเข้าตลาด ทำให้ประเมินในรอบนี้จะคล้ายกับในอดีตปี 2546-2547 คือ กลุ่มนักลงทุนภายในประเทศ จะเป็นกลุ่มหลักที่จะหนุนหุ้นไทย นักลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นวางกลยุทธ์สะสมหุ้น Top Picks งวดไตรมาส 4/2567 ใน 3 ธีมหลัก คือ

          1) Rate Cut Cycle Plays ได้แก่ GULF, GPSC, MTC

          2) New Government Policy Support ได้แก่ CPALL, BJC

          3) The Return of Domestic Long-term Funds (Vayupak+ThaiESG) ได้แก่ BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

          3 ปัจจัย กดดันหุ้นไทย

          บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยเริ่มถูกปัจจัยแวดล้อมเข้ามาปกคลุมบ้าง กดดันให้ SET INDEX มีโอกาสแกว่งตัวออกข้างด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้

          1. ราคาน้ำมันดิบวานนี้ย่อตัวแรง -5% จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีนน้อยกว่าที่ตลาดคลาด และความรุนแรงในตะวันออกกลางชะลอลง กดดันตลาดหุ้นไทยที่มีหุ้นอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถึง 1 ใน 3

          2. WORLD BANK ปรับลด GDP ไทยปี 2567 ลงเหลือ 2.4% (จาก 2.8% ในเดือน เม.ย.) ถือว่าเติบโตน้อยกว่าประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกอื่นๆ ที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 4.8% (จาก 4.5% ในเดือน เม.ย.) และยังถือว่าเป็นกรอบล่างเมื่อเทียบกับสำนักเศรษฐกิจอื่นๆ

          3. ติดตามความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยพรุ่งนี้ (10 ต.ค.2567) ทางแกนนำพรรคพลังประชารัฐนัดแถลงประเด็นเหตุที่จะนำไปสู่จุดจบพรรคแกนนำรัฐบาล ถือเป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่นักลงทุนคอยจับตา เพราะปกตินักลงทุนต่างชาติไม่ชอบประเด็นความไม่แน่นอนอยู่แล้ว

          คงต้องจับตาดูว่ากองทุนวายุภักษ์ 1 ในรอบนี้จะหนุนหุ้นไทยได้มากน้อยแค่ไหน!!