posttoday

เงินเฟ้อสูงกว่าคาด-ราคาน้ำมันดิบพุ่ง เคาะต้านหุ้นไทยวันนี้ 1,483 จุด

11 ตุลาคม 2567

เงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด ราคาน้ำมันดิบพุ่งหนุนหุ้นน้ำมันสดใส SETวันนี้ลุ้นแนวต้าน 1,483 จุด โฟกัสหุ้นไตรมาส 3/67 ดี CPALL, CPAXT, BJC, COM7 มีสตอรี่เฉพาะตัว อีกทั้ง Buy on Fact กลุ่ม Discretionary ได้ประโยชน์มาตรการกระตุ้นการบริโภคปลายปี HMPRO และ CRC

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯย่อตัวเลขน้อยเมื่อคืนนี้ หลังตัวเลขเงินเฟ้อออกมาสูงกว่าคาดเล็กน้อยรวมถึงการขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงกว่าคาด แต่ฝ่ายวิเคราะห์มองกระบวนการปรับตัวของ Bond yield สหรัฐฯรอบนี้น่าจะจบลงชั่วคราวแล้ว

     ขณะที่ หุ้นไทยยังคงเดินหน้าปรับตัวแข็งแกร่ง แนวรับ 1,451 จุด แนวต้าน 1,483 จุด สนับสนุนโดยแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ยังคงดําเนินต่อไป สําหรับปัจจัยระยะสั้นที่น่าติดตาม ได้แก่ การพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้งของราคาน้ำมันดิบ จากทั้งปัจจัยความเสี่ยง Geopolitical risk และพายุเฮอร์ริเคนที่รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯมองเป็นปัจจัย Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่ม Oil & Gas ของไทยในวันนี้

     สหรัฐฯรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคประจําเดือน ก.ย. ปรากฏว่าออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อย ทั้งในส่วนของ Headline และ Core CPI ส่งผลทําให้ ล่าสุดนักลงทุนตัดโอกาสที่ Fed จะลดดอกเบี้ยรวมกันในระดับ 75bps ในช่วงที่เหลือของปีนี้ออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจัยนี้ถือเป็นปัจจัยที่ฝ่ายวิเคราะห์เฝ้ารอให้เกิดขึ้น เนื่องจากคาดว่ากระบวนการปรับตัวขึ้นของ Bond yield สหรัฐฯรอบนี้มีโอกาสจบสิ้นลงชั่วคราวมองตราสารที่น่าสนใจจากปรากฏการณ์ปัจจุบันคือพันธบัตรสหรัฐฯโดยตรงนั่นเอง

     ปัจจัยที่สร้าง Surprise ให้กับเราเมื่อวานนี้ ได้แก่ รายงานดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยประจําเดือนกันยายนที่ปรับลงต่อเนื่องมาอยู่ที่ 55.3 ทําจุดต่ำสุดในรอบ 17 เดือน เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่การเมืองไทยเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว และยังเป็นช่วงที่รัฐบาลประกาศมาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาทแก่กลุ่มคนเปราะบางอีกด้วย ทั้งนี้สาเหตุของความเชื่อมั่นที่ลดลงเกิดจากความกังวลต่อเหตุการณ์น้ำท่วม ค่าครองชีพที่ยังอยู่สูง รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าจนอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก เป็นต้น

     ในมุมมองของฝ่ายวิเคราะห์นั้น กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มค้าปลีกท่ามกลางสภาวะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นมากนัก
แต่มีปัจจัยบวกรออยู่ในช่วงปลายปีจากการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติมผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี ฝ่ายวิเคราะห์วางแนวทางไว้ดังนี้

     1) หากจะต้องลงทุนเลย ณ ปัจจุบัน มองว่าจําเป็นต้องโฟกัสการลงทุนไปยังหุ้นที่คาดว่าจะมีผลกําไรไตรมาส 3/67 ออกมาในระดับแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม Consumerstaple เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น CPALL, CPAXT, BJC เป็นต้น หรือโฟกัสไปยังหุ้นที่มีธีมเฉพาะตัวสนับสนุนอย่าง เช่น COM7 ที่ได้รับประโยชน์จากกระแสตอบรับที่ดีของ iPhone รุ่นใหม่ และยังเป็นหุ้นที่เราคาดว่าจะถูกนําเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป

     2) หากรอได้ มองว่านักลงทุนสามารถรอการประกาศงบฯไตรมาส 3 ซึ่งน่าจะมีความอ่อนแอออกมาก่อนจึงค่อยทําการ Buy on Fact โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Discretionary ที่มี Valuation อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และคาดว่าจะเป็นผู้เล่นหลักที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคปลายปี เช่น HMPRO และ CRC เป็นต้น

เคาะกรอบ 1455-1481 จุด

     บล.กรุงศรี คาดการณ์แนวโน้ม SET INDEX วันนี้“ลุ้นขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,475 / 1,481 จุด แนวรับขยับตาม 1,460 / 1,455 จุด” ทั้งนี้แท่งเทียนปิดในลักษณะของ SPINNING TOP เหนือระดับ VWAP และ EMA 5,10,25 D และสามารถ BREAKOUT กรอบ BULLISH FLAG ขึ้น โดยที่เครื่องมือทางด้านเทคนิคกลับมามีสัญญาณเป็นบวกหลายเครื่องมือ ทั้ง MODIFIED STOCHASTIC, RSI และ MACD อย่างไรก็ตามมูลค่าการซื้อขายที่ไม่ได้เร่งตัวขึ้นตามอาจทำให้ดัชนีเผชิญกับความผันผวนตามแนวต้านได้ ฉะนั้นให้น้ำหนักดัชนีมีลุ้นขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,475 / 1,481 (PRIOR HIGH / FIBO. 123.6%) โดยวางแนวรับขยับขึ้นตามที่ 1,460 / 1,455 จุด (EMA 5D / 10D)

     คำแนะนำ นักลงทุนระยะสั้นอยู่ในด้าน SELECTIVE BUY และขายทำกำไรเมื่อดัชนีแกว่งตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่กำหนด ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงยาวยังคงแนะนำถือลงทุน / RUN TREND ต่อ

IVL เป้า 25 / 26 แนวรับ 24.10 จุดตัดขาดทุน 23.70 บาท
BCH เป้า 19 / 19.60  แนวรับ 18.30 จุดตัดขาดทุน 18 บาท
ROJNA  เป้า 7.20 / 7.55  แนวรับ 6.85 จุดตัดขาดทุน 6.70 บาท
HTECH เป้า 4.44 / 4.60 แนวรับ 4.26 จุดตัดขาดทุน 4.20 บาท