posttoday

1500 ไม่ผ่าน! หุ้นไทยปรับฐานชัด ชี้แนวรับสำคัญ 1,470-1,438 จุด รอจังหวะซื้อ

24 ตุลาคม 2567

สถานการณ์ต่างประเทศกดดันบรรยากาศหุ้นไทยสุดอึมครึม โบรกคาดดัชนีวันนี้เข้าสู่โหมดปรับฐาน แนวรับสำคัญ 1,470 และ 1,438 จุด หากร่วงต่อเนื่องเน้นขาย พร้อมรอจังหวะซื้อรอบใหม่

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดตลาด อาจมีรีบาวด์ช่วงเช้า แต่ภาพใหญ่ๆ ยังดูอึมครึม ดัชนีฯมีโอกาสปิดลบ ตัวถ่วงหลักๆมาจากปัจจัยต่างประเทศ และเข้าสู่การรายงานกำไรของบริษัทในตลาดหุ้นทั่วโลก

     ภาพใหญ่ของตลาดเป็นไปตามคาดคือยังไม่ผ่าน 1,500 จุด และจะปรับฐานก่อน โดยปัจจัยลบหลายตัวที่เข้ามา(Bond Yield , ดอลล่าร์แข็ง (Dollar Index 104.2), กำไร บจ. , เลือกตั้งสหรัฐฯ และสถานการณ์ตะวันออกกลาง ซึ่งมีผลต่อกระแสเงินลงทุนหลักของโลก และไทยก็โดนกระทบจากเรื่องนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินดัชนีฯกลับเข้าสู่โหมดของการปรับฐาน อีกครั้ง โดยมีแนวรับสำคัญ 2 จุดใหญ่ๆ คือ 1,470 และ 1,438 จุด

     ตลาดไทยลงแรงกว่าที่อื่นๆ ทั้งนี้ ดัชนีฯปรับตัวก่อนเข้าวันหยุดถึง 18 จุด แยกเป็นกลุ่มหลักๆที่ลากดัชนีฯ คือ กลุ่ม GULF ประมาณ 6 จุด และหุ้นธนาคารที่โดนกระหน่ำขายหลังส่งงบ อีกราว 3 จุด ส่วนที่เหลือกระจายไปในหุ้น BDMS , PTTEP และตัวใหญ่อื่นๆ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าการปรับตัวลงส่วนหนึ่งมาจากการขายทำกำไรหลัง มีปัจจัยลบหลายตัวเข้ามาในตลาด และความสั่นสะเทือนในเรื่องการพุ่งขึ้นของ bond Yield ของสหรัฐฯ และเงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดวันนี้ หุ้นเหล่านี้จะมีการรีบาวด์ได้ช่วงสั้นๆ

     ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯที่เกิดความปั่นป่วนขึ้น โดยแรงขายที่เข้ามา ทำให้ Bond Yield 10 ปี กระชากขึ้นไปแตะ 4.24% จากโอกาสที่ Fed ลดดอกเบี้ยได้ช้าลง และข่าวใหม่ คือ Trump มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง(หนี้สาธารณะจะสูงขึ้นกว่าคาด ล่าสุด $35 ล้านล้านเหรียญ) และความเสี่ยงจากสงคราม (ตะวันออกกลาง) ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยง แม้กระทั่งพันธบัตรรัฐบาล ถูกขายออกมาทั่วโลก แต่สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ คือ ทองคำ ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำให้ถือทอง(บาท) และ Bitcoin

     สถานการณ์ตะวันออกกลาง มีการตอบโต้ของคู่สงคราม ฮิซบอลเลาะห์ และอิสราเอล ที่ยังรุนแรง ต้องจับตาดูสหรัฐฯ ส่งตัวแทนเข้าไปยังซาอุฯ และประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อยับยั้งความรุนแรง หรือหาทางให้สองฝ่ายหยุดยิง แต่ไม่มีประเด็นของอิหร่าน จากข่าวที่หลุดออกมาว่า อิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านก่อนสหรัฐฯเลือกตั้ง (5 พ.ย.) เป็นตัวแปรที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ต่อไป

     รัฐบาลเล็งเก็บภาษีรถติด ขอเวลาศึกษา 1 ปี มีแผนเก็บภาษีตามเส้นทางแนวรถไฟฟ้าก่อน คาดจ่าย 40-50 บาทต่อวัน ทั้งนี้เพื่อนำมาเป็นแหล่งเงินของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และยังจะมีการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 แสนล้าน เพื่อซื้อคืนสัมปทานจากเอกชน

     คลังเผยหารือ ททท. เตรียมออกโครงการเสมือนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยรัฐบาละสนับสนุน 40% และนักท่องเที่ยวอีก 40% หรือคนละครึ่ง คาดดำเนินการปลายปีนี้ กลุ่มโรงแรมและร้านอาหารจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้

     ธนาคารรายงานกำไรไปแล้ว โดยรวมๆ นักลงทุนกังวลเรื่อง NPLs ในอนาคต มากกว่าเรื่องอื่นๆจึงมีแรงขายหุ้นกลุ่มนี้ตามมา(แม้หุ้นกำไรดี ก็ถูกขาย)จากนี้ไปจะเป็นคิวของกลุ่ม SCC (SCC, GLOBAL, SCGP)ที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงมามากสะท้อนกำไรที่ย่ำแย่ในช่วงนี้ (ตามภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม)

    Company Report

     ( + ) MAGURO (ซื้อ / เป้า 21.40 บาท) กำไร 3Q24E ทุบสถิติใหม่จากรายได้ ATH และ GPM ขยายตัว

     ( - ) SNNP (ซื้อ / ปรับเป้าลงเป็น 17 บาท) คาดกำไร 3Q24E โตชะลอลง จากรายได้ต่างประเทศ

     ( - ) OSP (ซื้อ / ปรับเป้าลงเป็น 26 บาท) กำไรปกติ 3Q24E โต YoY ลดลง QoQ จากตั้งสำรองโรงงานพม่า

     ( 0 ) AURA (ซื้อ / เป้า 16.70 บาท) กำไร 3Q24E ยังโตดี YoY, ลด QoQ จากราคาทองกลับมาทรงตัว

     ( 0 ) KKP (ถือ / เป้า 50 บาท) Credit cost ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่สินเชื่อยังคงหดตัวลงต่อ

     จากที่ประเมินว่า ดัชนีฯ อาจกลับเข้าสู่โหมดของการปรับฐานอีกครั้ง โดยมีแนวรับสำคัญ 2 จุดใหญ่ๆ คือ 1,470 และ 1,438 จุด ถ้าวันนี้ ดัชนีฯยังปรับตัวลงต่อ แนะให้ปรับกลยุทธ์เป็น “ขาย” เพื่อไปรอจังหวะซื้อรอบใหม่ หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ WHA, BDMS และ MTC ออก และนำ CPAXT เข้ามา หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CPAXT(10%), TRUE*(10%), CPALL(10%)