1500 ไม่ผ่าน! หุ้นไทยปรับฐานชัด ชี้แนวรับสำคัญ 1,470-1,438 จุด รอจังหวะซื้อ
สถานการณ์ต่างประเทศกดดันบรรยากาศหุ้นไทยสุดอึมครึม โบรกคาดดัชนีวันนี้เข้าสู่โหมดปรับฐาน แนวรับสำคัญ 1,470 และ 1,438 จุด หากร่วงต่อเนื่องเน้นขาย พร้อมรอจังหวะซื้อรอบใหม่
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดตลาด อาจมีรีบาวด์ช่วงเช้า แต่ภาพใหญ่ๆ ยังดูอึมครึม ดัชนีฯมีโอกาสปิดลบ ตัวถ่วงหลักๆมาจากปัจจัยต่างประเทศ และเข้าสู่การรายงานกำไรของบริษัทในตลาดหุ้นทั่วโลก
ภาพใหญ่ของตลาดเป็นไปตามคาดคือยังไม่ผ่าน 1,500 จุด และจะปรับฐานก่อน โดยปัจจัยลบหลายตัวที่เข้ามา(Bond Yield , ดอลล่าร์แข็ง (Dollar Index 104.2), กำไร บจ. , เลือกตั้งสหรัฐฯ และสถานการณ์ตะวันออกกลาง ซึ่งมีผลต่อกระแสเงินลงทุนหลักของโลก และไทยก็โดนกระทบจากเรื่องนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินดัชนีฯกลับเข้าสู่โหมดของการปรับฐาน อีกครั้ง โดยมีแนวรับสำคัญ 2 จุดใหญ่ๆ คือ 1,470 และ 1,438 จุด
ตลาดไทยลงแรงกว่าที่อื่นๆ ทั้งนี้ ดัชนีฯปรับตัวก่อนเข้าวันหยุดถึง 18 จุด แยกเป็นกลุ่มหลักๆที่ลากดัชนีฯ คือ กลุ่ม GULF ประมาณ 6 จุด และหุ้นธนาคารที่โดนกระหน่ำขายหลังส่งงบ อีกราว 3 จุด ส่วนที่เหลือกระจายไปในหุ้น BDMS , PTTEP และตัวใหญ่อื่นๆ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าการปรับตัวลงส่วนหนึ่งมาจากการขายทำกำไรหลัง มีปัจจัยลบหลายตัวเข้ามาในตลาด และความสั่นสะเทือนในเรื่องการพุ่งขึ้นของ bond Yield ของสหรัฐฯ และเงินบาทที่อ่อนค่าลง คาดวันนี้ หุ้นเหล่านี้จะมีการรีบาวด์ได้ช่วงสั้นๆ
ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯที่เกิดความปั่นป่วนขึ้น โดยแรงขายที่เข้ามา ทำให้ Bond Yield 10 ปี กระชากขึ้นไปแตะ 4.24% จากโอกาสที่ Fed ลดดอกเบี้ยได้ช้าลง และข่าวใหม่ คือ Trump มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง(หนี้สาธารณะจะสูงขึ้นกว่าคาด ล่าสุด $35 ล้านล้านเหรียญ) และความเสี่ยงจากสงคราม (ตะวันออกกลาง) ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยง แม้กระทั่งพันธบัตรรัฐบาล ถูกขายออกมาทั่วโลก แต่สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์ คือ ทองคำ ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำให้ถือทอง(บาท) และ Bitcoin
สถานการณ์ตะวันออกกลาง มีการตอบโต้ของคู่สงคราม ฮิซบอลเลาะห์ และอิสราเอล ที่ยังรุนแรง ต้องจับตาดูสหรัฐฯ ส่งตัวแทนเข้าไปยังซาอุฯ และประเทศในตะวันออกกลาง เพื่อยับยั้งความรุนแรง หรือหาทางให้สองฝ่ายหยุดยิง แต่ไม่มีประเด็นของอิหร่าน จากข่าวที่หลุดออกมาว่า อิสราเอลอาจโจมตีอิหร่านก่อนสหรัฐฯเลือกตั้ง (5 พ.ย.) เป็นตัวแปรที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ต่อไป
รัฐบาลเล็งเก็บภาษีรถติด ขอเวลาศึกษา 1 ปี มีแผนเก็บภาษีตามเส้นทางแนวรถไฟฟ้าก่อน คาดจ่าย 40-50 บาทต่อวัน ทั้งนี้เพื่อนำมาเป็นแหล่งเงินของนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และยังจะมีการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 แสนล้าน เพื่อซื้อคืนสัมปทานจากเอกชน
คลังเผยหารือ ททท. เตรียมออกโครงการเสมือนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยรัฐบาละสนับสนุน 40% และนักท่องเที่ยวอีก 40% หรือคนละครึ่ง คาดดำเนินการปลายปีนี้ กลุ่มโรงแรมและร้านอาหารจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้
ธนาคารรายงานกำไรไปแล้ว โดยรวมๆ นักลงทุนกังวลเรื่อง NPLs ในอนาคต มากกว่าเรื่องอื่นๆจึงมีแรงขายหุ้นกลุ่มนี้ตามมา(แม้หุ้นกำไรดี ก็ถูกขาย)จากนี้ไปจะเป็นคิวของกลุ่ม SCC (SCC, GLOBAL, SCGP)ที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวลงมามากสะท้อนกำไรที่ย่ำแย่ในช่วงนี้ (ตามภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม)
Company Report
( + ) MAGURO (ซื้อ / เป้า 21.40 บาท) กำไร 3Q24E ทุบสถิติใหม่จากรายได้ ATH และ GPM ขยายตัว
( - ) SNNP (ซื้อ / ปรับเป้าลงเป็น 17 บาท) คาดกำไร 3Q24E โตชะลอลง จากรายได้ต่างประเทศ
( - ) OSP (ซื้อ / ปรับเป้าลงเป็น 26 บาท) กำไรปกติ 3Q24E โต YoY ลดลง QoQ จากตั้งสำรองโรงงานพม่า
( 0 ) AURA (ซื้อ / เป้า 16.70 บาท) กำไร 3Q24E ยังโตดี YoY, ลด QoQ จากราคาทองกลับมาทรงตัว
( 0 ) KKP (ถือ / เป้า 50 บาท) Credit cost ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่สินเชื่อยังคงหดตัวลงต่อ
จากที่ประเมินว่า ดัชนีฯ อาจกลับเข้าสู่โหมดของการปรับฐานอีกครั้ง โดยมีแนวรับสำคัญ 2 จุดใหญ่ๆ คือ 1,470 และ 1,438 จุด ถ้าวันนี้ ดัชนีฯยังปรับตัวลงต่อ แนะให้ปรับกลยุทธ์เป็น “ขาย” เพื่อไปรอจังหวะซื้อรอบใหม่ หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ WHA, BDMS และ MTC ออก และนำ CPAXT เข้ามา หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CPAXT(10%), TRUE*(10%), CPALL(10%)