posttoday

TRUE งบ Q3/67 โชว์ EBITDA โตติดต่อกัน 7 ไตรมาส ดันกำไรหลังปรับปรุงแตะ 3,017 ล้าน

25 ตุลาคม 2567

TRUE งบไตรมาส 3/67 EBITDA เพิ่มขึ้น 16.5% แตะ 24,981 ล้านบาท โต 7 ไตรมาสติดต่อกัน ดันกำไรภายหลังปรับปรุง 3,107 ล้านบาท แต่มีบันทึกผลกระทบเชิงลบจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 3,917 ล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิ 810 ล้านบาท

          นายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 810 ล้านบาท เนื่องจากมีบันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (one-time costs) จากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย จำนวน 3,917 ล้านบาท

          โดยเมื่อปรับปรุงรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว กำไรสุทธิหลังหักภาษี อยู่ที่ 3,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 709 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 2,398 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) ไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 9,919 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นที่การดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย

          “ไตรมาส 3/2567 ทรู คอร์ปอเรชั่นมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและภูมิภาค รวมถึงเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด การลงทุนด้านโครงข่ายของเราเสริมสร้างความเชื่อมั่นทั้งในด้านความพร้อมอย่างเต็มประสิทธิภาพ การดำเนินงานที่ยืดหยุ่นคล่องตัว และการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เรายังให้ความสำคัญในการเร่งช่วยเหลือลูกค้าและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย” นายมนัสส์ กล่าว

          สำหรับ EBITDA เติบโตเป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย โดยมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการผสานปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อยกระดับทั้งการดำเนินงานภายในและการบริการลูกค้า บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด

          นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า ในไตรมาส 3/2567 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าด้วยการลงทุนราว 10,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นที่การดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วมากกว่า 10,000 สถานี จากทั้งหมด 17,000 สถานี 

          นอกจากนี้ บริษัทกำลังนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าในเชิงลึก เพื่อสร้างสรรค์บริการรูปแบบใหม่ ยกระดับการดำเนินธุรกิจ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

          รวมทั้งบริษัทยังภูมิใจที่เป็นรายแรกในประเทศไทยที่นำแผนการใช้ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Responsible AI (RAI) Maturity Roadmap ของ GSMA มาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้ AI ของเราเป็นไปอย่างมีจริยธรรมและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

          ในไตรมาส 3/2567 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพของการได้มาในส่วนผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลดลงสุทธิ 1.2 ล้านเลขหมาย หรือ 2.3% จากไตรมาสก่อน

          โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรวม 49.3 ล้านเลขหมาย ผู้ใช้บริการระบบรายเดือน ลดลงจากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่จำนวน 15.2 ล้านราย ในขณะที่ผู้ใช้บริการระบบเติมเงิน มีจำนวน 34.1 ล้านราย ผู้ใช้บริการออนไลน์ เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อยู่ที่ 3.7 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 ผู้ใช้บริการ 5G มีจำนวน 12.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสก่อน

TRUE งบ Q3/67 โชว์ EBITDA โตติดต่อกัน 7 ไตรมาส ดันกำไรหลังปรับปรุงแตะ 3,017 ล้าน           นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE กล่าวว่า EBITDA ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 24,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.7% จากไตรมาสก่อน 

          ทรู คอร์ปอเรชั่น บันทึกการเพิ่มขึ้นของ EBITDA จำนวน 5,530 ล้านบาท นับตั้งแต่การควบรวมกิจการ ซึ่งนับเป็นการเติบโตของ EBITDA เป็นไตรมาสที่ 7 ติดต่อกัน เนื่องจากการเติบโตของรายได้ และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่การควบรวมกิจการที่ 60.2% ในไตรมาส 3/2567

          ขณะที่รายได้รวมในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 50,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย หรือ IC เติบโต 4.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ได้แรงหนุนจากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการในทุกกลุ่มธุรกิจ 

          จากการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการผสานการบริหารผลงานร่วมกับวัฒนธรรมองค์กร ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการ (ARPU) เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจเมื่อเทียบกับปีก่อน รายได้จากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 3.7% จาก ARPU เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

          รายได้บริการออนไลน์เพิ่มขึ้น 7.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของ ARPU อย่างต่อเนื่องที่ 9.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนรายได้จากบริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (PayTV) เพิ่มขึ้น 0.9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยมี ARPU เพิ่มขึ้น 1.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 

          สำหรับไตรมาส 3/2567 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A) ลดลง 9.9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม และมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ต้นทุนเครือข่ายลดลง 13.3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมทั้งจากการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยและการจัดซื้อจัดจ้าง 

          ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 17.7% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมในโครงการปรับปรุงด้านธุรกิจและการพัฒนาองค์กรให้ทันสมัย ซึ่งจากการเร่งดำเนินการเพื่อรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมในด้านสำคัญต่างๆ และการมุ่งเน้นเชิงลึกในการเพิ่มประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้าง ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง

          แนวโน้มสำหรับปี 2567 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) เติบโต 4-5% จากปีก่อน EBITDA จะเติบโต 12-14% จากปีก่อน ในขณะที่แนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) รวมถึงการลงทุนเพื่อการควบรวมกิจการยังคงอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท โดยในปี 2567 จะยังคงมีกำไรหากไม่รวมการตัดจำหน่ายสินทรัพย์เครือข่ายที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย