สรุปงบไตรมาส 3/67 "กลุ่ม ปตท." พร้อมผ่างบท้ายปี หุ้นตัวไหนได้ไปต่อ ?
"กลุ่ม ปตท."เผชิญแรงกดดันหนักผลักผลงานไตรมาส 3/2567วูบ ล่าสุด PTT เผยกำไร 16,324 ล้านบาท ลดลง 48% หลังขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 2 หมื่นล้านบาท กำไรการกลั่นลด ธุรกิจก๊าซชะลอตัว 8โบรกสแกนงบไตรมาส 4/2567 มีโอกาสกลับมาดีแต่ยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงกดดันแน่น
"กลุ่ม ปตท." ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ออกมาบทสรุปคือ PTT , PTTEP , GPSC มีกำไรแต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน PTTGC , TOP , OR พลิกกลับมาขาดทุน ขณะที่ IRPC ขาดทุนต่อเนื่อง
ขยายภาพผลประกอบการไตรมาส 3/67 บริษัทแม่อย่าง "บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT" มีกําไรสุทธิ 16,324 ล้านบาท ลดลง 47.8% จากงวดเดียวกันปี 66 มีกําไร 31,297 ล้านบาท และมีกําไรจากการดําเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จํานวน 68,892 ล้านบาท ลดลง 73,400 ล้านบาท หรือ 51.6% เนื่องจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีผลการดําเนินงานลดลง โดยธุรกิจการกลั่นมีผลการดําเนินงานลดลงจากผลขาดทุนสต๊อกน้้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อย ขาดทุนสต๊อกน้ำมันในไตรมาส 3/67 ประมาณ 20,000 ล้านบาทจากไตรมาส 3/66 มีกําไร 20,000 ล้านบาท
กําไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจาก 11.3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แตะ 2.9 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ผลจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสําเร็จรูปส่วนใหญ่กับน้ำมันดิบที่ปรับลดลง
โดย "ธุรกิจปิโตรเคมี" ผลการดําเนินงานเพิ่มขึ้นตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น "กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ" ผลการดําเนินงานลดลงตามการรับรู้ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น (Mark-to-market) ของสินค้าระหว่างการขนส่ง รวมทั้ง "กลุ่มธุรกิจน้้ำมันและการค้าปลีก" ผลการดําเนินงานลดลงตามกําไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรและปริมาณขายเฉลี่ยลดลง
"กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ" ผลการดําเนินงานลดลงจาก "ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ" มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นมากจากการเริ่มใช้นโยบาย Single Pool คํานวณราคาก๊าซฯในปีนี้ และปริมาณขายลดลง แม้ราคาขายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
ประกอบกับผลการดําเนินงานของบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจก๊าซฯปรับลดลง โดยหลักจาก "บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จํากัด (PTTLNG)" เนื่องจากมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 (LMPT2) ขณะที่ "ธุรกิจจัดหาและจัดจําหน่ายก๊าซฯ" และ "ธุรกิจก๊าซธรรมชาติสําหรับยานยนต์ (NGV)" มีกําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯที่ปรับลดลงตามราคา Pool Gas นอกจากนี้ "ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซฯ" มีผลการดําเนินงานเพิ่มขึ้น ตามปริมาณการจองใช้ท่อส่งก๊าซฯที่เพิ่มขึ้น
ส่วนงวด 9 เดือนปี 67 มีกำไรสุทธิ 80,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,502 ล้านบาท หรือ 1.9% จากช่วงเดียวกันปี 66 ที่มีกำไร 79,259 ล้านบาท จากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง รวมทั้งภาษีเงินได้ลดลง
ถามว่า โบรกประเมินกำไร PTT ปีนี้อย่างไร
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิ PTT ทั้งปี 2567 ที่ 8.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 21.9% yoy คาดแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปกติงวดไตรมาส 4/67 จะเห็นการฟื้นตัวจากงวดไตรมาส 3/67 โดยความคาดหวังจะอยู่ที่กลุ่มธุรกิจโรงกลั่น และปิโตรเคมีซึ่งเป็นการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปจะเพิ่มขึ้นตามฤดูหนาว
รวมถึงความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพื่อทำของขวัญในช่วงเทศกาลปลายปีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเริ่มสะท้อนให้เห็นได้จากค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ 4QTD67 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 4.9 เหรียญฯต่อบาร์เรล ดีขึ้นจากค่าเฉลี่ยในงวดไตรมาส 3/67 ที่ 3.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งน่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงกลั่นดีขึ้นได้ QoQ ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีคาดจะค่อยๆทยอยเห็นการฟื้นตัว แต่ความโดดเด่นอาจจะยังไม่เด่นชัดมากนัก คงต้องรอ
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำซื้อ “PTT” ราคาเป้าหมาย 38 บาท คาดว่าในไตรมาส 4/67 กำไรหลักจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกำไรในธุรกิจ E&P และโรงกลั่น ซึ่งจะช่วยชดเชยยอดขายก๊าซที่ลดลงตามฤดูกาลได้อย่างเพียงพอ
ขณะที่ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) แนะนำขาย PTT ราคาเป้าหมาย 32 บาท เชื่อว่าธุรกิจก๊าซยังคงถูกกดดัน แม้ PTT อาจได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/67 จากธุรกิจโรงกลั่นและ E&P ต้นน้ำในไตรมาส 4/67 อีกทั้งฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าสูตรราคาอีเทนใหม่จะไม่เอื้อประโยชน์ต่อ PTT เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขก่อนที่จะลงนามสัญญาอย่างเป็นทางการ
TOP กำไรไตรมาส 4 ดีขึ้น
บล.ทิสโก้ คาดกำไรสุทธิของ TOP จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/67เนื่องจากผลกระทบเชิงลบจากการขาดทุนสต็อคน่าจะลดลงหรือหายไป อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของการดำเนินงานหลักอาจยังคงจำกัด ค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์ปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้ถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน ขณะเดียวกัน อะโรเมติกส์น่าจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยมาร์จิ้นของ PX เทียบกับ ULG95 ลดลง 22% และ BZ เทียบกับ ULG95 ลดลง 18%
นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมตลาดการกลั่นที่อ่อนแอต่อเนื่อง ฝ่ายวิเคราะห์มองเห็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ของ TOP จึงคงคำแนะนำ "ขาย" ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 37 บาท อิงจาก EV/EBITDA สิ้นปี 2568 ที่ 7.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 10%
PTTEP กำไร Q4 ทรงตัว
บล.พาย ประเมินแนวโน้มผลประกอบปี 2567 คาด 7.35 หมื่นล้านบาท ลดลง -4%จากปีก่อน โดยผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปีนี้คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรปีดังกล่าว ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/67 กำไรทรงตัว เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งปัจจัยฤดูกาลและการส่งมอบที่ค้างส่ง หักล้างกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวลง คาดว่า Downside ของราคาน้ำมันดิบจำกัด เนื่องจากการควบคุมอุปทานของ OPEC+ บริษัทกำลังพิจารณาการตั้งด้อยค่าโครงการ LNG MOZ หลักจากที่มีดีเลย์ไป 6 เดือนส่งผลต่อ Downside ในประมาณการกำไร
ส่วนโครงการคาดว่าการลงทุนในแหล่ง LLB มีความชัดเจน FID ภายในไตรมาส 1/68 ทั้ง 2 โครงการคาดว่าใช้เงินลงทุน 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 88% ของเงินลงทุนพัฒนาโครงการทั้งหมดในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า คิดเป็นปริมาณการขาย ณ ปี 2571 ประมาณ 10% จากทั้งหมด 587 KBOED
คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐานที่ 181 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 10% และ TG 0% คิดเป็น PE’24 อยู่ที่ 7.3 เท่า คิดเป็นระดับ -1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี พร้อมทั้งอัตราเงินปันผลปี 2567-2568 ที่ 6.9% , 6.6% ตามลำดับ ตั้งสมมติฐาน ราคาน้ำมันดูไบปี 67-68 ที่ 82$/bbl และ 77$/bbl ตามลำดับ และทั้งราคานํ้ามันดูไบระยะยาวที่ 70$/bbl ตั้งแต่ปี 2569 หากทั้ง 2 โครงการดีเลย์เพิ่ม 1 ปี ส่งผลต่อราคาเป้าหมาย 12 บาท
IRPC โค้ง 4/67 ดีขึ้น
บล.เคจีไอ แนะนำขาย ราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 1.45 บาท อิงจาก PB ที่ 0.4 เท่า แม้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/67 จะดีดตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะ spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลฟื้นตัวขึ้นจากอุปสงค์การใช้เชื้อเพลิงสร้างความอบอุ่นตามฤดูกาล แต่ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าราคาหุ้นจะยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มที่เป็นลบของ PP จากอุปทานใหม่ก้อนใหญ่ที่จะท่วมทะลักเข้ามาในตลาดในช่วงปี 2567-2569
บล.ทรีนีตี้ แนะนํา Trading Buy ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 1.72 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/67 ประเมินว่ามีโอกาสที่จะขาดทุนลดลงจากราคานํ้ามันที่อยู่ในระดับตํ่าแล้ว ดังนั้นคาดว่าไม่น่าจะเกิด stock loss มากเหมือนไตรมาส 3/67 ที่เกิดขึ้น ขณะที่ผลการดําเนินงานปกติคาดว่าจะขาดทุนอยู่ใน 1-1.5 พันล้านบาท ค่าใช้จ่ายปลายปีที่อาจจะสูงขึ้น ขณะที่ GIM คาดว่าจะทรงตัว QoQ ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการปี 2567-2568 ลงเป็นขาดทุน -5.6 พันล้านบาท และขาดทุน -4.6 พันล้านบาท ด้วยแนวโน้มปิโตรเคมีที่เป็น down cycle
แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมียังฟื้นตัวกว่าเดิมที่คาดไว้ แนวโน้ม supply จากประเทศจีนยังมีเข้ามาเพิ่มขึ้น แนวโน้มราคาหุ้นเคลื่อนไหวยังคงเป็น sideway ต่อไป ยังไม่มีปัจจัยสนับสนุน ปัจจุบันราคาหุ้น Trade ที่ -2SD downside จํากัดแต่ต้องรอเวลาการฟื้นตัว จึงแนะนํา Trading Buy แนวโน้ม ไตรมาส 4/67 น่าจะขาดทุนน้อยลง ไม่มีผล stock loss
GPSC กำไรไตรมาส 4/67 อ่อนแรง
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า คงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6%qoq จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่คาดปรับตัวดีขึ้น ตามทิศทางต้นทุนก๊าซฯและถ่านหินที่มีแนวโน้มลดลง YoY จากความกังวลเกี่ยวกับสภาวะสงครามที่เริ่มคลี่คลายช่วงสั้นงวดไตรมาส 4/67 คาดกำไรปกติอ่อนตัวลงต่อเนื่อง QoQ กดดันจากรายได้จากการขายไฟฟ้าโดยรวมที่คาดปรับตัวลดลง ตามการเข้าสู่ช่วง low season ของการใช้ไฟฟ้าในช่วงปลายปี รวมถึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะปรับตัวลดลงตามต้นทุนพลังงาน ทั้งก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการเตรียมสำรองพลังงานไว้ใช้ในช่วงฤดูหนาวของหลายประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้คาดยังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นปกติจากการบันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานในช่วงปลายปี ถึงแม้คาดว่ายังมีแรงหนุนชดเชยได้บางส่วนจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ ตามการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลลม และเปิด COD ของโรงไฟฟ้า CFXD ในเดือน ธ.ค.2567 รวมถึงผลประกอบการของโรงไฟฟ้า XPCL ที่คาดจะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากปริมาณน้ำที่คาดยังอยู่ในระดับสูง และฐานต่ำในงวดไตรมาส 3/67 ก็ตาม
PTT พลิกเกมล่าท้าวิกฤติ เปิดรับพันธมิตรเสริมธุรกิจยกกลุ่ม
ปตท. มุ่งมั่น Net Zero ควบคู่ CCS เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ
ปตท. มุ่งมั่น Hydrocarbon ควบคู่ลดก๊าซเรือนกระจก
PTT ทุ่มงบ 1,650 ลบ. ซื้อ "เทวา ฟาร์มา (ประเทศไทย)"
เปิดวิชั่น "ดร.คงกระพัน" ชูธุรกิจต้องดี-ขนาดใหญ่-มีจุดแข็ง สู่เป้า Net Zero