posttoday

ผ่าอนาคต AOT พื้นฐานแกร่งจริง ? ยิ่งร่วง ยิ่งน่าสะสม

13 มกราคม 2568

เที่ยวไทยไม่สะเทือน "ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์" มั่นใจธุรกิจ AOT อยู่ในช่วงขาขึ้น เทรนด์เที่ยวไทยบูม คาดผู้โดยสารปีงบ 2568 (สิ้นเดือน ก.ย.68) แตะระดับ 130 ล้านคน โบรกแห่ประเมินงบไตรมาส 1/2568 เข้าไฮซีซั่น อวดกำไรกว่า 6 พันล้านบาท โค้ง 2 โตต่อ

KEY

POINTS

  • "ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์" มั่นใจธุรกิจ AOT อยู่ในช่วงขาขึ้น เทรนด์เที่ยวไทยบูม คาดผู้โดยสารปีงบ 2568 แตะระดับ 130 ล้านคน
  • ราคาหุ้น AOT ร่วงรับแรงกังวลระยะช่วงสั้น
  • โบรกแห่ประเมินงบไตรมาส 1/68 เข้าไฮซีซั่น อวดกำไรกว่า 6 พันล้านบาท โค้ง 2 โตต่อ

สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยเริ่มสั่นคลอน โดยเฉพาะในมุมมองของนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังเกิดเหตุหายตัวของนาย หวังซิง หรือ ซิงซิง ดารานักแสดงชาวจีน ซึ่งหายตัวไปหลังจากเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย ก่อนพบเดินทางข้ามแม่น้ำเมยไปยังเมืองใน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา เนื่องด้วยถูกหลอกไปแคสติ้งในประเทศเพื่อนบ้าน

แรงกระเพื่อมความกังวลสะท้อนผ่านหน้าด่านของประเทศไทย นั่นก็คือ ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น "บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ AOT" ปิดการซื้อขายวันนี้(13 ม.ค.2568) ลดลง 1.75 บาท แตะระดับ 56.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,117.47 ล้านบาท ราคาหุ้นถือว่าฟื้นกลับมาปิดลบเล็กน้อยหลังจากที่ลดลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 55.75 บาท

ผ่าอนาคต AOT พื้นฐานแกร่งจริง ? ยิ่งร่วง ยิ่งน่าสะสม

"ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)  หรือ AOT เผยกับ "โพสต์ทูเดย์" ถึงสาเหตุที่ราคาหุ้น AOT ปรับตัวลดลงแรงนั้นคาดว่าเกิดจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่ง AOT ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งออกนโยบายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารชาวจีนเชื่อมั่นว่าการเดินทางมาประเทศไทยนั้นมีความปลอดภัย

ถามว่า แนวทางดึงความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีนมีอะไรบ้าง เบื้องต้นอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) เพื่อจัดทำแคมเปญด้านความปลอดภัยและมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้(13-17 ม.ค.2568)

"ประเด็นความกังวลของนักท่องเที่ยวชาวจีนมองว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น และสามารถแก้ไขได้เพื่อให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นว่าการมาเที่ยวประเทศไทยปลอดภัย"

ภาพรวมธุรกิจปี 2568

ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าธุรกิจของ AOT เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยปริมาณการจราจรทางอากาศ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ปริมาณผู้โดยสารอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น ในปีนี้คาดว่าปริมาณผู้โดยสารรวมทั้งหมดราว 130 ล้านคน ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ที่สำคัญมองว่าไม่ได้มีปัจจัยลบที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานของการให้บริการ

"ตลอดทั้งปีนี้ เชื่อว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีนคาดว่าไม่น่าจะมีอะไรที่ทําให้เข้ามาเที่ยวไทยน้อยลงไปกว่าปีที่ผ่านมา เชื่อว่าภาพรวมยังดี"

นอกจากนี้ AOT มีมาตรการในเรื่องของการขยายท่าอากาศยาน 4 แห่ง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ เงินลงทุน 10,000-20,000 ล้านบาท , ดอนเมือง 36,000 ล้านบาท , ภูเก็ต 9,000 ล้านบาท และ เชียงใหม่ ราว 12,000 ล้านบาท โดยเงินลงทุนทั้งหมดมาจากกระแสเงินสดของบริษัท ซึ่งไม่จำเป็นต้องกู้ ปีที่แล้วเราก็กําไรไปประมาณ 20,000 ล้าน เพียงพอต่อการนําไปใช้ในการก่อสร้างอยู่แล้ว

เป้าหมายรายได้ปี 68

ปกติรายได้เติบโตตามปริมาณผู้โดยสาร ถือว่าเติบโตมากราว 10-15%

ผ่าอนาคต AOT พื้นฐานแกร่งจริง ? ยิ่งร่วง ยิ่งน่าสะสม

โบรกส่องงบ Q1/68 โดดเด่น

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท อิง DCF (WACC 7% , terminal growth 3.5%) ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ทำได้ดีที่ 5.7 พันล้านบาท (+24% YoY , +33% QoQ) จากการเริ่มเข้า high season ของการท่องเที่ยว ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ประเมินจำนวนผู้โดยสารรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 33.6 ล้านคน (+16% YoY , +15% QoQ) โดยส่วนใหญ่ยังเติบโตจากผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะดีขึ้นเป็น 20.9 ล้านคน (+23% YoY, +15% QoQ) ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากโดยเฉพาะเดือน พ.ย.-ธ.ค.67 ที่จำนวนผู้โดยสารทำสถิติสูงสุดได้ต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดโควิด ส่วนผู้โดยสารในประเทศจะอยู่ที่ 12.8 ล้านคน (+7% YoY, +15% QoQ) นับว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่ทรงตัว YoY ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการกำไรปี 2568 ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น +20% YoY โดยกำไรในไตรมาส 1/68 จะคิดเป็น 25% ของทั้งปี

สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/68 จะยังดีขึ้นและเป็นระดับสูงสุดของปี จาก high season ของการท่องเที่ยว สำหรับกรณีที่มีข่าวนักแสดงชาวจีนตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์อาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้ากว่าคาดได้บ้าง แต่จะยังได้ชดเชยจากนักท่องเที่ยว อินเดีย, อาเซียน, เอเชียตะวันออกที่ยังเติบโตดี รวมถึงนักท่องเที่ยวจากยุโรปและสหรัฐที่โดยปกติจะเพิ่มขึ้นมากในช่วงต้นปี ส่งผลให้ฝ่ายวิเคราะห์ยังประเมินจำนวนผู้โดยสารปี 2568 ที่ 132 ล้านคน เพิ่มขึ้น 11% YoY โดยจะยังเติบโตจากผู้โดยสารระหว่างประเทศมากกว่า

นอกจากนั้นจะได้ผลบวกจากการเปิด Runway 3 สนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ 1 พ.ย.67 จะช่วยรองรับจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจาก 64 เที่ยวบิน/ชั่วโมง เป็น 96 เที่ยวบิน/ชั่วโมงราคาหุ้น underperform จากตลาดราว -2% หรือ -3% ในช่วง 3 และ 6 เดือน จากข่าวการขอคืนพื้นที่จากคิงเพาเวอร์ และการยกเลิก duty free ขาเข้า แต่ราคาหุ้นกลับมา outperform SET เพิ่มขึ้น +2% ได้ใน 1 เดือน ทั้งนี้ยังแนะนำซื้อ และยังประเมินว่าราคาหุ้นจะกลับมา outperform SET ได้ จากกำไรในไตรมาส 1/68 - ไตรมาส 2/68 จะดีขึ้นจากการเข้าสู่ช่วง high season ของการท่องเที่ยว

 

อวดกำไรโค้งแรก 6,001 ล้าน

บล.พาย ประเมิน AOT มีจำนวนผู้โดยสารในช่วงไตรมาส 1/68 (ต.ค.-ธ.ค.67) จำนวน 33.6 ล้านคน (+16%YoY,+13%QoQ) แบ่งเป็นผู้โดยสารในประเทศ 12.8 ล้านคน (+7%YoY,+15%QoQ) และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 20.9 ล้านคน (+23%YoY,+15%QoQ) ถือเป็นผู้โดยสารายไตรมาสที่สูงสุดนับตั้งแต่เกิดโควิด ด้านจำนวนเที่ยวบินในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ 204,579 เที่ยวบิน (+15%YoY,+11%QoQ) เติบโตมากในเส้นทางระหว่างประเทศที่เพิ่มถึง 22%YoY จำนวนผู้โดยสารดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24% ของประมาณการนักท่องเที่ยวที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้ที่ 139 ล้านคน แต่คิดเป็นสัดส่วน 26% ของเป้าที่ผู้บริหาร AOT คาดไว้ที่ 130 ล้านคน ทั้งนี้ผู้โดยสารของ AOT ในช่วง 1-4 ม.ค. เพิ่มขึ้นถึง 18%YoY

ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดที่จะกระทบกับประมาณการณ์นอกเหนือจากจำนวนผู้โดยสารปี 2568 คือ การขอปรับค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge :PSC) ที่คาดว่าจะทราบผลในช่วงกลางปีจากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตรา 730 บาท/คนสำหรับเส้นทางต่างประเทศ และ 130 บาท/คน สำหรับเส้นทางในประเทศ

ส่วนผลกระทบจากข่าวความกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจากจีน มองว่าเป็นปัจจัยระดับประเทศที่ต้องอาศัยมาตรการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาครัฐฯ ที่จะออกมา ทั้งนี้หากพิจารณาจากผลกระทบที่เคยเกิดจากปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นในเหตุการณ์เรือล่มในเดือน ก.ค. 2561(ค.ศ.2018) ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนมาไทยในช่วง 4 เดือนหลังเกิดเหตุการณ์ (ส.ค.-พ.ย.) ลดลงไปกว่า 15%YoY

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/68 (ต.ค.-ธ.ค.67) คาดว่า AOT จะมีกำไรสุทธิ 6,001 ล้านบาท (+32%YoY , +41%QoQ) โดยได้รับผลดีจากเติบโตของจำนวนผู้โดยสารข้างต้น อย่างไรก็ตามในแง่รายได้เติบโตเพียง 18%YoY , 10%QoQ น้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการขอคืนพื้นนที่บางส่วนทั้งในกลุ่มของดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่เริ่มมาตั้งแต่กลางปี 67 ที่ผ่านมา

ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงแนะนำ “ถือ” เพราะราคาปัจจุบันมีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมที่ประเมินไว้ที่ 63 บาท (40XPER’24E) เพียง 8% อย่างไรก็ตามระยะยาวยังมีมุมมองที่ดีกับ AOT ที่จะได้รับผลดีจากการเพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่หน่วยงานภาครัฐมีการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ระดับ 38-40 ล้านคน เทียบกับ 35.5 ล้านคนในปี67

 

Sudden Death ตายทันที! ไม่เซียนจริง อย่า "กู้เงิน" เล่นหุ้น 

"หุ้นหลบภัย"เลือกแบบไหน?ได้หุ้นดียืนหนึ่งแบบ"ดร.นิเวศน์"