NAM เปิดแผนปี 68 ปักธงรายได้โต 50% แตะ 1,700 ล้าน ทำออลไทม์ไฮ
NAM กางแผนปี 68 ตั้งเป้ารายได้โต 50% แตะ 1,700 ล้านบาท หลังบอร์ดไฟเขียงเข้าถือหุ้น “อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์” สัดส่วน 60% มูลค่าลงทุน 150 ล้านบาท ลุยขยายธุรกิจเครื่องมือแพทย์ชั้นสูง พร้อมบุ๊กรายได้-กำไร 4 บริษัทย่อย หนุนผลงานโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NAM เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโต 50% จากปีก่อน โดยวางแผนกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจจากการขยายกิจการไปยังกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อต่อยอดการเติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง พร้อมทั้งเก็บเกี่ยวผลลัพธ์จากการขยายธุรกิจในปีที่ผ่านมาจาก 3 บริษัทย่อยทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้ นโยบายด้านสาธารณสุขยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวก อาทิ 30 บาทรักษาทุกที่ทั่วทั้งประเทศ 77 จังหวัด แผนเพิ่มศักยภาพการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ดีขึ้น เช่น เครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สู่โรงพยาบาลอำเภอที่มีขนาดเล็ก และแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในกลุ่มของบริษัทมากขึ้น
อีกทั้งบริษัทมีแผนศึกษาการลงทุนเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้าง Medical Logistics และ Distribution Hub ในต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ NAM มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น Global Brand and Global Manufacturing ภายใน 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2568 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนในบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นสูง เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 60% โดยมีมูลค่าลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท และขณะนี้บริษัทดำเนินการด้านธุรกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้และกำไรตั้งแต่ไตรมาสนี้เป็นต้นไป และเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินของบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในระยะเวลา 4-5 ปี
"การลงทุนครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์หลักของบริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจผ่านการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเข้ามาสนับสนุนการเติบโตในกลุ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับห้องผ่าตัดของบริษัท เนื่องจากบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ขั้นสูงที่มีส่วนสำคัญสำหรับใช้งานในห้องผ่าตัด รวมทั้งเป็นการต่อยอดธุรกิจต้นน้ำของบริษัท เนื่องจากทุกการตรวจหรือรักษาในงานห้องผ่าตัดจำเป็นที่จะต้องใช้ระบบการทำความสะอาดและล้างอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อทำให้ปราศจากเชื้ออีกด้วย" นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับบริษัท อินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 โดยปัจจุบันดำเนินธุรกิจในด้านการจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงทั้ง การตรวจวินิฉัยโรค และให้การรักษาพยาบาล ทั้งกลุ่มโรคพื้นฐานทั่วไป โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคมะเร็ง เป็นต้น
โดยมีสินค้าต่างๆ เช่น 1.เครื่องสวนหัวใจแบบระนาบเดี่ยวและแบบสองระนาบ 2.เครื่องเอกซเรย์ฟลูโอโรสโคปเคลื่อนที่แบบซีอาร์ม (C-ARM) สำหรับการถ่ายภาพรังสีในห้องผ่าตัด 3.ห้องผ่าตัดชนิดไฮบริด(Hybrid OR) สำหรับรักษาผู้ป่วยกลุ่มโรคหลอดเลือดต่างๆและโรคหัวใจที่อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัด โดยใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพทางรังสีขั้นสูงแบบ 3 มิติ 4.เครื่องตรวจอวัยวะภายในด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) ทั้งระดับพื้นฐานและระดับสูง
5.เครื่องตรวจหาโรคมะเร็งด้วยเครื่องมือทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (PET/CT) 6.เครื่องผลิตสารเภสัชรังสีสำหรับใช้งานในการตรวจวินิจฉัยมะเร็งร่วมกับเครื่อง PET/CT(Cyclotron) 7.เครื่อง CT Scan และเครื่อง MRI รวมทั้งรถให้บริการรักษาและตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ต่างๆ เช่น รถเอกซเรย์เคลื่อนที่แบบภาพดิจิตอล รถตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านม(แมมโมแกรม) และรถให้การรักษาและวินิจฉัยเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองแบบเคลื่อนที่(Mobile Stroke Unit) เป็นต้น
สำหรับกลุ่มลูกค้าของอินโนเวทีฟ อิมเมจจิ้ง ซิสเต็มส์ ครอบคลุมทั้ง โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลสังกัดโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งจากการมุ่งเน้นการให้บริการสินค้าที่มีคุณภาพสูง พร้อมบริการหลังการขายจากทีมงานที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ ส่งผลทำให้ในปี 2567 มียอดขายประมาณ 830 ล้านบาท (ยอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท) และในปี 2568 ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ จากการศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ใหม่ๆ ข้างต้น โดยการพัฒนาความเข้าใจในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้จะช่วยให้บริษัทสามารถนำความรู้ไปปรับปรุงกระบวนการผลิตอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครบวงจรมากขึ้น ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและธุรกิจของ NAM ในอนาคต และส่งเสริมให้การเติบโตของบริษัทเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว