posttoday

กทม.สั่งปรับบีทีเอส1.8ล้านเซ่นระบบขัดข้อง

27 มิถุนายน 2561

กทม.สั่งปรับบีทีเอส1.8ล้านบาทหลังระบบขัดข้อง ด้าน แอร์พอร์ตลิงก์แจงเหตุ ทำไมไม่โดนปัญหาคลื่นรบกวน

กทม.สั่งปรับบีทีเอส1.8ล้านบาทหลังระบบขัดข้อง ด้าน แอร์พอร์ตลิงก์แจงเหตุ ทำไมไม่โดนปัญหาคลื่นรบกวน

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการ และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือแอร์พอร์ตลิงก์เปิดเผยว่าสำหรับกรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือรถไฟฟ้าบีมีเอสเกิดความขัดข้องทางระบบอาณัติสัญญาณจากคลื่นรบกวนจนทำให้เกิดปัญหาในการเดินรถในช่วงสามวันที่ผ่านมานั้น มีผู้คนตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดระบบอาณัติสัญญาณของรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับระบบเดินรถของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์และรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน แต่กลับพบว่าปัญหาคลื่นรบกวนเกิดเฉพาะกับบีทีเอสแต่ไม่กระทบกับงานเดินรถไฟฟ้าเส้นทางอื่นนั้น

เนื่องจากรถไฟฟ้าบีทีเอสได้เพิ่งเปลี่ยนระบบการเดินรถมาใช้ของประเทศแคนาดาคือ Bombardier ซึ่งเป็นระบบการส่งสัญญาณเดินรถแบบผ่านคลื่นความถี่ในอากาศคล้ายกับการปล่อยคลื่นโทรศัพท์มือถือและสัญญาณอินเตอร์เน็ททำให้เกิดปัญหาคลื่นสัญญาณรบกวน ขณะที่รถไฟฟ้าอีกสองสายใช้การส่งสัญญาณด้วยเทคโนโลยีของเยอรมันคือ Siemen ซึ่งมีใช้รูปแบบการส่งคลื่นสัญญาณผ่านระบบปิด (Closed System) ผ่านสายไฟเบอร์ออฟติคซึ่งทำให้ไม่ถูกคลื่นสัญญาณทั่วไปรบกวน

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมกล่าวว่าโครงการรถไฟฟ้าหลากสีในอนาคตจะไม่เกิดปัญหาคลื่นสัญญาณระบบการเดินรถขัดข้องแน่นอน เนื่องจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)ได้กำหนดให้ผู้ชนะประมูลโครงการต้องติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณการเดินรถเป็นรุ่นใหม่ที่สุดซึ่งจะเป็นระบบส่งสัญญาณผ่านคลื่นความถี่ในอากาศคล้ายกับระบบของ Bombardier เพียงแต่มีระบบสำรองในการส่งคลื่นความถี่หากระบบเดินรถหลักถูกรบกวนจากสัญญาณแปลกปลอมทำให้สามารถเดินรถต่อได้แม้คลื่นถูกรบกวน นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้งานออกแบบรายละเอียดเส้นทางรถไฟฟ้าเฟส 2 จำนวน 10 สายนั้นต้องเพิ่มสถาน Interchange เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆให้มากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเดินทางหากมีรถไฟฟ้าสายหนึ่งสายใดขัดข้อง

อย่างไรก็ตามจากปัญหารถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องในช่วง 2 วันที่คือวันที่ 25-26มิ.ย.ผ่านมาพบว่าประชาชนจำนวนมากหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินแทนจนทำให้อัตราผู้โดยสารขยายตัวมากถึง 17% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในวันเดียวกันของช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาโดยพบว่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมาปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมากถึง 1 แสนคน รวมทั้งสิ้น 6.96 แสนคนจากเดิมอยู่ที่ 5.96แสนคน ขณะที่รถเมล์ขสมก.ที่วิ่งบริการตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมามียอดผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเช่นกันที่ 10.5% คิดเป็นการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสาร 1.8 หมื่นคนรวมสองวันมีปริมาณผู้โดยสารทั้งสิ้น 2.1 แสนคน จากเดิมอยู่ที่รราว 1.92 แสนคน ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ขสมก.จัดรถเมล์วิ่งรับส่งประชาชนรวมถึงเพิ่มความถี่รถเมล์ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของการเดินรถไฟฟ้า

ขณะที่นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคมกล่าวว่ากกระทรวงคมนาคมได้หารือร่วมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อขอให้พิจารณาการกำหนดคลื่นความถี่ให้สำหรับการส่งสัญญาณการเดินรถไฟฟ้าความเร็วสูงในอนาคตเพือ่ป้องกันการเกิดปัญหาขัดข้องจากคลื่นรบกวน โดยได้กำหนช่องสัญญาณของโครงการรถไฟความเร็วสูงไว้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ปัญหาระบบอาณัติสัญญาณของบีทีเอสขัดข้อง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ นั้น กสทช. ได้เข้ามาดูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านนายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าจากเหตุการณ์ความขัดข้องดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดพลาดไม่เป็นไปตามมาตรฐานงานบริการดังนั้นกทม.จึงตัดสินใจปรับเงินบีทีเอสที่ 1.8 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าชดเชยถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ส่วนกรณีการพิจารณายกเลิกสัมปทานเดินรถของบีทีเอสหากเกิดข้อผิดพลาดซ้ำซากนั้น ยืนยันว่าไม่สามารถยกเลิกสัญญาสัมปทานกับรถไฟฟ้าบีทีเอสได้ จนกว่าจะสิ้นสุดสัญญาการเดินรถในปี 2585 ซึ่งความเสียหายจากการให้บริการตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา พบเหตุขัดข้อง 27 ครั้ง สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใช้บริการ จึงทำหนังสือด่วนขอให้บีทีเอส ชี้แจงสาเหตุการเดินรถขัดข้องรวมถึงแนวทางแก้ไขและหามาตรการเยียวยาให้กับผู้ใช้บริการ โดยวันพรุ่งนี้จะเรียกประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน