ดร.สมศักดิ์ ชลาชล ต้นตำรับซาลอนบิซิเนสแมนเนจเมนต์
ในวงการสังคมช่างผมคงไม่มีใครไม่รู้จัก ดร.สมศักดิ์ ชลาชล เพราะจัดได้ว่าเป็นช่างผมแถวหน้าคร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานกว่า 30 ปี
โดย...ชมดาว
ในวงการสังคมช่างผมคงไม่มีใครไม่รู้จัก ดร.สมศักดิ์ ชลาชล เพราะจัดได้ว่าเป็นช่างผมแถวหน้าคร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานกว่า 30 ปี คือเป็นช่างผมจริงๆ ไต่เต้ามาจากการเป็นช่างผม เป็นลูกจ้างเขามาก่อน พัฒนาจนได้เป็นเจ้าของร้านเติบโตขยายสาขามาเรื่อยๆ ไปต่อยอดไปเรียนปริญญาตรี ปริญญาเอก เป็นดอกเตอร์ เปิดสถาบันสอนเป็นเรื่องเป็นราวทำอย่างเป็นระบบแบบมืออาชีพขายแฟรนไชส์มีหลายสิบสาขา
เริ่มนับ 1 จนถึง 10
เขาถือว่าไต่เต้าจากช่างผมโตมาเป็นเถ้าแก่ จนกลายมาเป็นนักธุรกิจ เริ่มด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบครบทุกขั้นตอน “เรียกว่าลงมือลุยเองทุกขั้นตอน จากลูกจ้างช่างทำผม เป็นครูสอนทำผม พัฒนาตัวจนเป็นแชมป์ ขยายสาขา สร้างแบรนด์ เปิดสถาบัน ไปเรียนดอกเตอร์ ร่วมวางหลักสูตรช่างผมกับมหาวิทยาลัยเอกชน ใช้เวลาเรียนรู้มาตลอด 30 กว่าปี อย่างต่อเนื่อง สร้างมาตรฐานช่างผมไทยให้เป็นที่ยอมรับ” เขากล่าวอย่างตั้งใจ
ดร.สมศักดิ์ เล่าว่า เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ช่างผมเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับสักเท่าไหร่ คนทำอาชีพนี้ได้ดีก็แค่มีร้านเป็นของตัวเองสักแห่ง แต่จะให้พัฒนาร่ำรวยไปกว่านี้ ก้าวหน้าไปกว่านี้ก็ยากเย็นเหลือเกิน เรื่องการสร้างแบรนด์ ขยายสาขา หรือตัวช่างจะจบปริญญาโทยังยากที่จะเจอ
สร้างมาตรฐานช่างผมไทย
เมื่อมาทำอาชีพนี้ก็ตั้งใจจริงจังที่จะทำให้ดี เป็นอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติ สร้างฐานะให้ร่ำรวย น่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับ เราจึงสร้างโรงเรียนสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ สอนเรื่องการบริหารงาน การขยายสาขา คนจะมาทำอาชีพนี้ก็ต้องมีความรู้ มีทักษะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จบอะไรมาก็ได้ ไม่รู้จะเรียนอะไรก็มาเรียนช่างทำผมไปงั้นๆ แก้ขัด เราจะไม่สอนให้คิดแบบนั้นอีกแล้ว เราจะปฏิวัติวงการซาลอนไทยให้ทัดเทียมอาชีพอื่นๆ เป็น เรามีสอนวิชา “ซาลอน บิซิเนส แมนเนจเมนต์” ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม เปิดหลักสูตรในคณะบริหารธุรกิจ
ตัวเขาเองก็ต้องทำงานและวางตัวให้เป็นที่ยอมรับ โดยยึดนโยบาย จริงใจ จริงจัง เจนจัด การทำงานนอกจากมีความตั้งใจทุ่มเทแล้วควรจะต้องมีจินตนาการ มีความเป็นวิชาการในตัวบ้าง และต้องใช้ประสบการณ์ในการทำงานอย่างสร้างสรรค์ ช่วยเหลือสังคมในทางที่เราพอทำได้
ต้องคืนสังคม
“พี่เองก็ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตที่สูงส่งอะไร เราก็เป็นลูกคนจีน โตมาจากตึกแถว ไม่มีคอนเนกชั่นอะไร ก็ทำงานพิสูจน์ตัวเองมาเรื่อยๆ ตัวเราเองก็เหมือนเป็นนามบัตรของแบรนด์เราอง
“กว่ามาถึงวันนี้พี่ก็ใช้เวลาทำงานพิสูจน์ตัวเองมาตลอด ไม่มีอะไรง่าย ไม่มีฟลุก และเมื่อถึงวันที่เราเริ่มมีความพร้อมมากขึ้น พี่ก็จะพยายามทำกิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้น มีโครงการสาธารณกุศลต่างๆ เช่น โครงการสมศักดิ์เพื่อสมศักดิ์ ให้ทุนการศึกษาคนชื่อสมศักดิ์ที่ยากจน ให้ทุนไปประกอบอาชีพ หาเครื่องมือช่วยให้เขาได้ไปทำอาชีพ แล้วพี่ทำโครงการตัดผมปันบุญเอาเงินไปช่วยสร้างอาคารเรียนให้กับเณรน้อยของวัดพระราม 9” เขากล่าวอย่างมีความสุข
เมื่อเราพอมีก็ต้องแบ่งปัน พี่ชอบช่วยเรื่องการศึกษาเพราะการศึกษาสร้างคน ช่วยกันคนละไม้คนละมือในทางที่เราพอทำได้ มากบ้าง น้อยบ้าง ตามกำลังที่เรามีการทำงานเพื่อคนอื่นเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต ทำให้เรารู้สึกมีพลัง
ดร.สมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร หากจริงจัง จริงใจ มุ่งมั่น ทุ่มเท รักในอาชีพให้เกียรติกับงานที่ทำ ทุกคนก็สามารถสร้างความมั่นคงเป็นที่ยอมรับได้ไม่ยาก ที่สำคัญต้องวางตัวให้ดี มีน้ำใจ เป็นมิตรที่ดีของทุกๆ คน ไปไหนใครก็รัก