posttoday

NRF โชว์กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%

15 พฤศจิกายน 2564

บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์’ หรือ NRF ประกาศผลงานไตรมาส 3/2564 เติบโตอย่างแข็งแกร่งมีรายได้จากการขาย 516 ล้านบาท เติบโต 36.3% และกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3%

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร อาหารมังสวิรัติที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมรับประทานและเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 516 ล้านบาท เติบโต 15.1% เมื่อเทียบกับ Q3/63 และ 36.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการขาย 378 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้จากบริษัท City Food และกลุ่มบริษัท Boosted NRF Corporation อาทิ SOL Trading ที่รับรู้รายได้เข้ามาเต็มไตรมาส, โครงการ WellPath ที่ทยอยรับรู้รายได้ในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และเริ่มรับรู้รายได้จากบริษัท Indeem Group รวมถึงการรับรู้ค่าตอบแทน (Royalty) และรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา

ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้ธุรกิจอาหารไทย อาหารท้องถิ่น (Ethnic Food) ยังมีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้านกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติของบริษัทฯ (Normalized Net Profit) ในไตรมาส 3/2564 ทำได้ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 176.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) อยู่ที่ 134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านอัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Net Profit Margin) ทำได้ 14.3% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะเกิดปัญหาการขนส่งโลจิสต์ที่ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก แต่บริษัทฯ ก็สามารถควบคุม ดำเนินงานและจัดการได้ ทั้งนี้หากไม่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดระลอก 3 สายพันธุ์เดลต้า คาดว่า Q3/64 เป็นไตรมาสที่ดีมาก

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,436 ล้านบาท เติบโต 47.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 971 ล้านบาท โดยรายได้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ ในทุกประเภทสินค้า และมีคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารับจ้างผลิตรายใหญ่ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป รวมถึงยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากบริษัท City Food และธุรกิจ E-commerce ซึ่งเป็นรายได้ภายใต้ตราสินค้า Prime Labs, SOL Trading, WellPath และ Indeem Group และรายได้อื่นๆ สำหรับโครงสร้างรายได้ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่น (Ethnic Food) 81% ผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช (Plant-based Food) 4% ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (Functional Products) 3% และธุรกิจ E-Commerce Platform คิดเป็นสัดส่วน 12% ทั้งนี้ NRF มุ่งเน้นการสร้างแพลตฟอร์ม E-commerce และการเข้าซื้อกิจการที่เป็นผู้นำตลาด โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท Indeem Group จำกัด ที่มีรายได้หลักอยู่ภายในประเทศ

นอกจากนี้ ในส่วนกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติของบริษัทฯ ทำได้ 178 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 167 ล้านบาท ในส่วนของ EBITDA อยู่ที่ 307 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 228 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Net Profit Margin) ทำได้ 11.8% ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากบริษัท Plant And Bean Ltd. ขณะที่โรงงานใหม่ได้รับอนุญาตจาก British Retail Consortium (BRC) ในเดือนกันยายน 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติลดลงจากปีก่อน ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายด้านการขายและการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจ E-commerce อย่างไรก็ตาม NRF ยังได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการบริษัท Boosted NRF Corp. ซึ่งธุรกิจ E-commerce จะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า รวมถึงได้รับผลดีมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

นายแดน กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นขยายงานอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้เดินหน้าปรับโครงสร้างบริษัท เพื่อขยายธุรกิจแพลตฟอร์มอาหารโปรตีนจากพืชในตลาดอาหารโปรตีนจากพืช(Plant-Based)ในระดับโลก ผ่านการจัดตั้งบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และ ฮ่องกง พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ Plant-Based เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก และรองรับแผนการลงทุนของธุรกิจ Plant-Based ในอนาคต ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลทำให้ความต้องการในตลาด e-commerce และ Plant-Based สูงมากซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ที่บริษัทฯวางไว้ และ ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ ร่วมจับมือกับ Innobic (Asia) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ PTT จัดตั้งบริษัท Nutra Regenerative Protein (NRPT) พร้อมตั้งโรงงาน Plant-Based เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและรองรับกระแส Food for Future อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า Plant-Based ในประเทศ โดยโรงงานดังกล่าวจะจัดตั้งอยู่ในจังหวัดอยุธยา และมีกำลังการผลิตประมาณ 3,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ ยังมีแผนบุกตลาด Plant-Based ไทยผ่านบนแพลตฟอร์มฟู๊ดเดลิเวอรี่ภายใต้แบรนด์ Nove Eats ในไตรมาส 4/2564 อีกทั้ง บริษัท Plant and Bean Ltd. ได้รับใบอนุญาติจาก BRC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตต่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจ Plant-Based ในทวีปยุโรป

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายเข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาในไตรมาส 3/2564 ได้เข้าซื้อกิจการและผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้า WellPath ในวงเงินลงทุน 4.06 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้กลุ่มสินค้าดังกล่าวอย่างเต็มที่ในไตรมาส 4/2564 ส่งผลให้ปัจจุบัน กลุ่มธุรกิจ BOOSTED NRF Corp. มีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตัวเองแล้วทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ Prime Labs, SOL Trading และ WellPath และมีมากกว่า 50 SKU อีกทั้ง บริษัท ยังมีแผนที่จะขยายกิจการผ่านการซื้อกิจการอื่นๆ ในปี 2564 ต่อไป ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าวช่วยให้บริษัทฯ เพิ่มความหลากหลาย และทางเลือกให้กับลูกค้าในหมวดอาหารและอาหารเสริมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับโลก นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เข้าซื้อบริษัท Indeem Group จำกัด ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย Universal E-Commerce Platform ที่นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายผ่านการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคในรูปแบบ Omni Channel สร้างยอดขายจากผลิตภัณฑ์กลุ่มสกินแคร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มี ส่วนผสมจากสารสกัดน้ำมันกัญชง (CBD)

พร้อมกันนี้ ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติให้ร่วมลงทุนในบริษัท Botany Petcare จำกัด เข้าถือหุ้น 66.7% หรือคิดเป็นมูลค่า 36 ล้านบาท ผ่านทางบริษัท ซิตี้ฟูด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ NRF ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการเปลี่ยนโรงงานผลิตน้ำเต้าหู้เดิมภายใต้แบรนด์ชินโป มาเป็นโรงงานผลิตอาหารทานเล่นสัตว์เลี้ยง คาดธุรกรรมจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นไตรมาส 4/2564 ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากที่ดิน โรงงาน และ ระบบสาธารณูปโภคที่โรงงานในจ.ราชบุรี ซึ่งเป็นโรงงานเดิมที่ซิตี้ฟูดมีอยู่ โดยวางเป้าหมายพัฒนา และต่อยอดความสามารถในการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง plant-based ภายใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าธุรกิจกัญชงผ่านความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นร่วมพัฒนาการปลูกและสกัดน้ำมันกัญชง (CBD) รวมถึงเตรียมความพร้อมเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ Hemp House ผ่านโกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ หรือ GTH เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานในปี 2564 ให้มีการเติบโตทำสถิติสูงสุดไม่น้อยกว่า 50% อย่างแน่นอน