posttoday

น้ำท่วม67:สนทช.เตือนริมโขงฝั่งนครพนมรับน้ำล้นตลิ่งสูงเพิ่ม50ซม.

17 กันยายน 2567

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เตือนนครพนมเตรียมรับสถานการณ์ระดับน้ำโขงล้นตลิ่งเพิ่มสูง50ซม. 18กันยายนนี้ ก่อนเคลื่อนตัวผ่านไป บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช.ได้ออกประกาศเตือน หลังติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่าร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนัก และมีน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ และจาการประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวัง ดังนี้
 

1.สถานการณ์แม่น้ำโขง เนื่องจากขณะนี้มวลน้ำหลากในแม่น้ำโขงได้ไหลผ่านจังหวัดเลย หนองคาย และบึงกาฬ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านจังหวัดหนองคายสูงสุด 21,187 ลูกบาศก์เมตร/วินาที สูงกว่าตลิ่ง 1.62 เมตร และจะเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดบึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5 - 1.0 เมตร ในช่วงวันที่ 18 - 21 กันยายน 2567 โดยเฉพาะจังหวัดนครพนม ระดับน้ำมีแนวโน้มล้นตลิ่ง 0.3 - 0.5 เมตร ในวันที่ 18 กันยายน 2567

2. สถานการณ์น้ำห้วยหลวง บริเวณสถานีบ้านโนนตูม (Kh.103) อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ระดับน้ำ ณ วันที่ 16 กันยายน 2567 สูงกว่าตลิ่ง 0.21 เมตร จากการคาดการณ์แนวโน้ม พบว่าในวันที่ 17 กันยายน 2567 ระดับน้ำห้วยหลวงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงสุด เนื่องจากแม่น้ำโขงมีระดับน้ำสูงกว่าลำน้ำสาขา จึงไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้สะดวก ซึ่งส่งผลให้ปริมาณน้ำล้นตลิ่งต่ำ และไหลหลากเข้าท่วมชุมชนที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ จึงขอให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมขัง บริเวณพื้นที่ด้านท้ายน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยหลวง ได้แก่ อำเภอกุดจับ เมืองอุดรธานี และสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ในช่วงวันที่ 17 – 22 กันยายน 2567

จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โปรดดำเนินการ ดังนี้

1. ขอให้เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้น และเตรียมรับมือจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและท่วมขังบริเวณริมแม่น้ำโขง และริมลำน้ำบางสาขาของประเทศไทยที่ไม่สามารถระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้โดยสะดวก

2. วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยปรับแผนการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และระบบชลประทาน เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักรให้พร้อมใช้งาน เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อประชาชน

3. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่บริเวณที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

ขณะเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนเรื่อง พายุ “ดีเปรสชัน” หลังพบว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ย. 67) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และคาดว่าในช่วงวันที่ 20 – 21 ก.ย. 67 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักมากบางแห่ง และมีลมแรงในช่วงวันที่ 20–23 ก.ย. 67 ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นได้

 

น้ำท่วม67:สนทช.เตือนริมโขงฝั่งนครพนมรับน้ำล้นตลิ่งสูงเพิ่ม50ซม.