DSI รับThe icon group เป็นคดีพิเศษลุยสอบเฉพาะข้อหาฟอกเงิน

เมื่อวันที่ 24ตุลาคม 2567 เวลา 14.00น. พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พบการกระทำความผิดคดี the icon group ที่มีการจับกุมบอส 18คนไปก่อนหน้านี้ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เข้าข่ายมูลฐานความผิดข้อหา ฟอกเงิน ตามมาตรา3 (3) พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2552 และมีทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความข้อหาฉ้อโกงเกินกว่า 300 ล้านบาท เข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามประกาศของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ฉบับที่8 พ.ศ.2565 ให้อำนาจอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้เป็นคดีพิเศษเพื่อดำเนินการสอบสวน เฉพาะความผิดฐานฟอกเงินเท่านั้น เป็นคนละกรรมกับความผิดข้อหาฉ้อโกง ซึ่งเป็นผิดในทางอาญาซึ่งอยู่ในอำนาจพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

"เรารับเป็นคดีพิเศษเฉพาะความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ส่วนคดีฉ้อโกงประชาชนหรือความผิดอื่นยังอยู่ในอำนาจของพนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากความผิดฐานฟอกเงิน เป็นความผิดต่างกรรม หรือคนละกรรม เป็นการดำเนินคดีกับผู้ที่โอน หรือรับโอนทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ขณะที่ป.ป.ง.จะเข้ามาดำเนินการในส่วนของการอายัดทรัพย์สิน ประกอบด้วยที่ดิน ที่อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี อาคารสิ่งปลูกสร้างที่ทำการบริษัท นาฬิกา ของแบรนด์เนม กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือไม่ต่อไป" พันตำรวจตรี ยุทธนา กล่าว 

พันตำรวจตรี ยุทธนา ระบุด้วยว่าการสอบสวนคดีฟอกเงินอาจมีการแจ้งความดำเนินคดีกับบอส 18คนที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ด้วย 

ด้านนายวิทยา นิตีธรรม โฆษกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กล่าวว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินคดี the icon group ถือเป็นคุณป.ป.ง. พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีตามมูลฐานความผิดฐานฟอกเงิน ถือเป็นการเติมเต็มข้อจำกัดช่วยกันทำงานและให้การดำเนินงานของป.ป.ง.ซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวในประเทศไทยสามารถร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินให้ได้มากที่สุดเพื่อนำมาคืนแก่ผู้เสียหายต่อไป 

ที่มา กรมสอบสวนคดีพิเศษ