posttoday

รัฐบาล ยัน! ยังไม่พบการระบาดของไวรัส hMPV ในไทย

12 มกราคม 2568

รัฐบาล ยัน! ยังไม่พบการระบาดของไวรัส hMPV ในประเทศไทย พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสาน-ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีประเทศจีนพบการระบาดของเชื้อ hMPV ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง “ไวรัส hMPV (Human metapneumovirus) หรือ ฮิวแมน เมตานิวโมไวรัส เป็นไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจที่มีมานานแล้ว ไม่ใช่โรคใหม่  และไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโควิด 19

 

ไวรัส hMPVสามารถพบได้ตลอดทั้งปี มักระบาดในช่วงฤดูฝนและสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยจะมีอาการคล้ายกับการติดเชื้อไวรัส RSV และไข้หวัด เช่น มีไข้ ไอ และคัดจมูก บางรายอาจพบภาวะปอดอักเสบ หรือกระตุ้นให้มีอาการ หอบหืดกำเริบเฉียบพลันได้ ดังนั้น หากมีอาการป่วย 1 – 2 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้น ร่วมกับมีอาการ หายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อสาเหตุและรับการรักษาตามอาการ ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสสำหรับโรคนี้

นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า จากข้อมูลกรมควบคุมโรค โดยกองระบาดวิทยาร่วมกับโรงพยาบาลเครือข่าย ดำเนินโครงการเก็บตัวอย่างเชื้อจากผู้ป่วยทางเดินหายใจส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคด้วยวิธี PCR

 

ข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2567 พบว่า เชื้อที่ตรวจพบสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เชื้อ SARS-CoV-2 จำนวน 87 ราย (ร้อยละ 14.26) รองลงมา คือ Rhinovirus 78 ราย (ร้อยละ 12.79) Haemophilus Influenzae 56 ราย (ร้อยละ 9.18) Respiratory syncytial viruses (RSV) 45 ราย (ร้อยละ 7.38) และ Human metapneumovirus (hMPV) 42 ราย (ร้อยละ 6.89) ตามลำดับ

 

โดยกลุ่มอายุที่ตรวจพบเชื้อ hMPV สูงสุดคืออายุต่ำกว่า 5 ปี (ร้อยละ 35.71) รองลงมาคือ อายุ 50 – 59 ปี (ร้อยละ 16.67) และอายุ 30 – 39 ปี (ร้อยละ 11.90) ตามลำดับ จากการส่งตรวจในโครงการฯ เห็นได้ว่าสัดส่วนการตรวจพบเชื้อชนิดนี้ยังน้อยกว่าเชื้ออื่น ซึ่งเชื้อ hMPV สามารถตรวจพบได้ตลอดทั้งปี พบมากในช่วง    ฤดูฝนต่อเนื่องจนถึงฤดูหนาว แต่ยังไม่พบรายงานการระบาดเป็นวงกว้างแต่อย่างใด

“ขอประชาชนอย่ากังวล และอย่าตระหนกจากข่าวที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากข้อมูลที่เผยแพร่นั้น  มีข้อไม่ตรงความเป็นจริงขอให้ติดตาม ข้อมูลจากหน่วยงานราชการ ทั้งนี้ สามารถใช้แนวทาง การป้องกันโรคได้เช่นเดียวกับโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ดังนี้

1) ล้างมืออย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำและสบู่ อย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทดแทน

2) หลีกเลี่ยงการนำมือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก

3) สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัด

4) หากมีอาการป่วยให้หยุดพักที่บ้านเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ

 

สำหรับผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ภายในช่วง 1 สัปดาห์ ให้สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ คัดจมูก มีไข้ ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422”