“ฟรีวีซ่าจีน” นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ สู่กระแส “ไทยไม่ปลอดภัย”
“ฟรีวีซ่าจีน” นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ สู่กระแส “ไทยไม่ปลอดภัย” หลัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน ใช้ไทยเป็นทางผ่าน ตุ๋นดาราจีน
หลังจากที่รัฐบาลไทยออกประกาศให้ชาวจีนสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และ พำนักได้นานสุด 60 วันติดต่อกัน จากเดิม 30 วัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2024 ซึ่งผู้ถือหนังสือเดินทางหรือผู้ถือเอกสารหนังสือเดินทางทางเลือกจากทั้งหมด 93 ประเทศหรือภูมิภาคสามารถเข้าไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถทำการท่องเที่ยวระยะสั้น ติดต่อทางธุรกิจ หรือทำงานในประเทศไทยได้ไม่เกิน 60 วัน ซึ่งประเทศจีนก็อยู่ในรายชื่อดังกล่าวเช่นกัน ทำให้พลเมืองชาวจีน รวมถึงเขตบริหารพิเศษ สามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า หรือเรียกว่า “ฟรีวีซา”
การฟรีวีซ่าไม่ได้ดึงดูดเพียงแค่นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ แต่รวมไปถึงกลุ่มชาวจีนที่ทำธุรกิจผิดกฏหมายหรือที่เรียกกันว่า “กลุ่มจีนเทา” ที่ผ่านมามีอาชญกรรมเกิดขึ้นจากกลุ่มจีนเทาในหลายรูปแบบ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลงทุน การขโมยข้อมูลคนไทยไปใช้เป็นนอมินี อุ้มฆาตกรรมเพื่อนร่วมชาติ ยังไม่รวมคดีต่างๆที่เกี่ยวกับยาเสพติด
หนำซ้ำยังมีบุคคลภายในประเทศที่รู้เห็นและยินดีที่มีกลุ่มจีนเทาอยู่ในประเทศ เพราะมองว่าเป็นแหล่งทำเงิน ยกตัวอย่าง เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2567 เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียล เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพป้ายโฆษณาที่บริเวณแยกห้วยขวางเขียนด้วยภาษาจีน ซื้อ-ขายหนังสือเดินทาง และรับเปลี่ยนสัญชาติ มีให้เลือกหลายราคา พร้อมแนบภาพพาสปอรต์ประเทศต่างๆ เช่น อินโดฯ วานูอาตู กัมพูชา ตุรกี
ได้มีการสอบสวน ทางผู้รับจ้างติดตั้งป้ายโฆษณา เปิดเผยว่า ได้รับการว่าจ้างจาก “ชาวจีน” ภายหลังทราบข่าวว่าไม่เหมาะสมจึงปลดออก การกระทำดังกล่าวอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ต่างชาติมองประเทศไทยเป็นสถานที่ที่ง่ายต่อการทำผิดกฎหมาย
เมื่อไม่นานมานี้มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ตอกย้ำมุมมองด้านลบของต่างชาติที่มีต่อประเทสไทย คือ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2568 เกิดเหตุการหายตัวไปของนาย หวังซิง หรือ ซิงซิง ดารานักแสดงชาวจีน ซึ่งหายตัวไปหลังจากเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย ก่อนพบเดินทางข้ามแม่น้ำเมยไปยังเมืองใน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร เปิดเผยว่า ซิงซิงถูกหลอกว่าจะไปแคสติ้งในประเทศเพื่อนบ้าน แต่เมื่อเข้ามาไทย จนกระทั่งเดินทางไปถึงจุดหมายแล้วถึงทราบว่าถูกหลอกมาทำอย่างอื่น เชื่อว่าถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซนเตอร์ เพราะถูกฝึกให้พิมพ์ดีดให้คล่อง และ เชื่อว่าคนร้ายคือชาวจีนด้วยกัน
แม้ภายหลังซิงซิง จะถูกช่วยและนำตัวออกมาอย่างปลอดภัยแต่การหายตัวไปของซิงซิงส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศเป็นอย่างมากจนพูดถึงในโลกโซเชียลว่า ”ประเทศไทยน่ากลัว“ ก่อนจะพากันปลุกกระแสยกเลิกทริปตรุษจีนที่ประเทศไทย
พรรคฝ่ายค้านจึงได้เสนอให้ทบทวนนโยบาย "ฟรีวีซาจีน" ด้าน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
“จะต้องรอพูดคุยกันระหว่าง 2 ประเทศว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะนโยบายฟรีวีซารัฐบาลได้สนับสนุนมาโดยตลอด อยู่ที่การจัดลำดับสำคัญและการตกลงระหว่างประเทศ”
ล่าสุด 12 ม.ค. 2568 นักร้องดังจีน Eason Chan ศิลปินชั้นแนวหน้าของฮ่องกง ประกาศยกเลิกคอนเสิร์ต ที่กรุงเทพฯแล้ว โดย กลุ่มผู้จัดคอนเสิร์ตของนักร้องดังฮ่องกง ประกาศในบัญชีโซเชียลมีเดีย เวยปั๋ว ของบริษัท แจ้งการยกเลิกคอนเสิร์ตในไทย ของ เฉิน อี้ซวิ่น (Eason Chan) โดยทางผู้จัดงาน ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นจากความกังวลด้านความปลอดภัยโดย “เฉพาะชาวจีนที่จะเดินทางมาไทย และได้ปรึกษานักร้องแล้ว”
โดยเผยแพร่ประกาศเป็นภาษาจีน แปลเป็นภาษาไทย ระบุว่า ด้วยพิจารณาถึงปัญหาความปลอดภัยของขาวจีนและมิตรรักแฟนเพลงที่จะเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อมาชมคอนเสิร์ต Eason Chan FEAR and DREAMS World Tour in Bangkok ที่กำหนดจัดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี
จากแถลงการณ์ของกลุ่มผู้จัดคอนเสิร์ต ระบุว่า ตั๋วชมคอนเสิร์ต Eason Chan's FEAR and DREAMS World Tour ที่เปิดจำหน่ายที่กรุงเทพฯ ขายหมดเกลี้ยงในเดือนธันวาคม 2567 หลังจากที่แถลงการเปิดคอนเสิร์ตฯนี้ และขอขอบคุณผู้ชมที่อุดหนุนคอนเสิร์ตฯ อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้จัดให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ชมเป็นอันดับแรก และขออภัยสำหรับความไม่สะดวกใดๆอันเกิดจากการยกเลิกคอนเสิร์ตฯครั้งนี้ พร้อมกับขอรับรองว่า ผู้ที่ซื้อตั๋วผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายตั๋วทางการ จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน โดยจะโอนเงินคืนภายใน 10 วันทำการ หลังการประกาศฯนี้
นอกจากนี้ ประกาศดังกล่าว ถูกแชร์เป็นจำนวนมากในสื่อออนไลน์จีน รวมทั้งนักร้องก็แชร์ไปที่บัญชีโซเซียลส่วนตัว ขณะที่แพลตฟอร์ม Weibo ข่าวลือที่สร้างกระแส คือ มีจีนเทาในเคเคปาร์ค จะล่อลวงคนจีน ที่มางานคอนเสิร์ต
อย่างไรก็ตามต้องจับตาดูว่าทางรัฐบาลมีแนวทางอย่างไรที่จะกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้กลับมาดีขึ้น