แฉพฤติกรรม2ผู้พิพากษาเอื้อคดีครอบครัวตระกูลดังกระทบธุรกิจ
มติก.ต.สอบวินัยร้ายแรง 2ผู้พิพากษา ตำแหน่งระดับอธิบดีและรองอธิบดี ปมเอื้อประโยชน์คู่ความในคดีฟ้องร้องกันเองของครอบครัวตระกูลดัง ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจ จากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ห้ามจ่ายเงินปันผลนานกว่า5ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 28ม.ค.2568 โดยมีวาระที่น่าสนใจคือ พิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ กรณีให้คำปรึกษาคดีความที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งพฤติการณ์เกินเลยไปกว่าการให้คำปรึกษาคดีความโดยทั่วไป และเกินความเหมาะสมที่ข้าราชการตุลาการควรพึงกระทำได้
ทั้งไปร่วมนั่งพิจารณาคดีโดยไกล่เกลี่ยคู่ความอันอาจทำให้คู่ความ อีกฝ่ายสงสัยในความเป็นกลาง อันเป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและประเพณีปฏิบัติของทางราชการและจริยธรรมของข้าราชการตุลาการ ตามที่ ก.ต. กำหนด ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 62 และประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 31 วรรรคสอง เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เห็นควรลงโทษภาคทัณฑ์และ มีมติเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 2 ราย มีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง
สำหรับข้าราชการตุลาการ2รายที่ถูกชี้มูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง เป็นระดับอธิบดีและรองอธิบดีผู้พิพากษาปัจจุบันย้ายออกจากศาลดังกล่าวแล้ว มูลเหตุสำคัญมาจากการถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยเหตุผลและหลักการของกฎหมาย เอื้อประโยชน์ให้แก่คู่ความฝ่ายตรงข้าม ในคดีฟ้องร้องกันเองของคนในครอบครัวนักธุรกิจระกูลดัง ซึ่งมีการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565
โดยมีการกล่าวอ้างว่าข้าราชการตุลาการระดับอธิบดี มีความสนิทสนิทสนมกับคู่ความฝ่ายตรงข้าม เดินทางเข้าออกบ้านความฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่การกระทำโดยปกติของตุลาการที่จะเข้าไปข้องแวะหรือสนิทสนมกับคู่ความในคดี ขณะที่กระบวนการพิจารณาคดีมีความล่าช้า ส่งผลเสียหายทางธรกิจ ได้รับผลกระทบจากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามจ่ายเงินปันผลหุ้น จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ปี.