โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ 67 พระจักราวตาร เปิดม่านสุดยิ่งใหญ่ โปรดักชั่นตระการตา
โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ 67 ตอน “พระจักราวตาร” เปิดม่านการแสดงสุดยิ่งใหญ่ พร้อมจัดเต็มฉากและเทคนิคพิเศษสุดตระการตากว่าปีที่ผ่านมา
เพื่อเฉลิมฉลอง 2 โอกาสมหามงคลของปวงชนชาวไทยในปี 2567 นี้ ได้แก่ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงจัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” ขึ้น ซึ่งถ่ายทอดการแสดงกฤษฎาภินิหารของพระจักราหรือพระนารายณ์ ที่อวตารลงมาเป็นพระราม โอรสของท้าวทศรถ กษัตริย์แห่งกรุงอโยธยาเพื่อปราบฝ่ายอธรรม เปรียบประดุจพระราชวงศ์จักรีที่ผดุงความสุขความสงบให้กับพสกนิกรชาวไทยตลอดมา
โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ 67 เปิดม่านสุดยิ่งใหญ่ โปรดักชั่นตระการตา
โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ 67 ตอน “พระจักราวตาร” ได้เปิดม่านการแสดงรอบสื่อมวลชนไปเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 เวลา 19.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ส่วนรอบแสดงจริงจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน - วันที่ 8 ธันวาคม 2567
การแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ 67 ตอน “พระจักราวตาร” จะมีทั้งหมด 8 ฉากใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง แบ่งเป็น องก์ที่ 1: 4 ฉาก (60 นาที) และองก์ที่ 2: 4 ฉาก (60 นาที)
องก์ที่ 1 (60 นาที)
ฉากที่ 1 นารายณ์บรรทมสินธุ์
พระจักราหรือพระนารายณ์บรรทมเหนือบัลลังก์พญาอนันตนาคราช ณ เกษียรสมุทร โดยมี พระลักษมีประทับเคียงคู่ เมื่อมนุษยโลกเกิดทุกข์เข็ญ ด้วยเหตุที่นนทุกผูกพยาบาท ลงมาบังเกิดเป็นพญายักษ์ทศกัณฐ์ สร้างความเดือดร้อน พระอินทร์และทวยเทพจึงเสด็จมาเพื่ออัญเชิญพระนารายณ์ให้อวตารเป็นพระราม
ฉากที่ 2 กฤษฎาภินิหารพระรามา
พระราม หรือพระนารายณ์อวตารได้สำแดงกฤษฎาภินิหารตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย โดยได้สังหารกากนาสูรอสูรญาติของทศกัณฐ์ซึ่งแปลงเป็นกา มารบกวนเหล่าฤษีที่บำเพ็ญตบะ ต่อมาเมื่อเจริญวัยขึ้นได้ไปสำแดงฤทธิ์ยกมหาธนูโมลีที่เมืองมิถิลา จึงได้อภิเษกกับนางสีดา ในครั้งนั้นพระรามได้เห็นพักตร์นางสีดาเป็นครั้งแรก
ฉากที่ 3 สำมนักขาก่อศึก
หลังจากพระรามและนางสีดากลับมายังนครอโยธยา นางไกยเกษีได้ทวงสัญญาที่ให้พระพรตพระอนุชาของพระรามขึ้นครองกรุงอโยธยา ท้าวทศรถต้องจำยอม พระรามพระลักษมณ์พร้อมทั้งนางสีดารับสัตย์จากพระบิดาออกเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี โดยทั้ง 3 พระองค์ผนวชเป็นฤษี ขณะอยู่ในป่า สำมนักขาขนิษฐาของทศกัณฐ์ได้พบพระรามจึงเข้าไปเกี้ยว จนในที่สุดถูกพระลักษมณ์ “ตัดตีนสินมือ” สำมนักขาไปฟ้องเชษฐาคือทศกัณฐ์และยุยงทศกัณฐ์ซึ่งมีราคะจริตแรงกล้าจนทศกัณฐ์หลงเชื่อ
ฉากที่ 4 พลัดพราก
ทศกัณฐ์อุบายให้มารีศแปลงกายเป็นกวางทอง ล่อลวงให้พระรามออกติดตามกวาง เมื่อได้โอกาส ทศกัณฐ์ จึงแปลงกายเป็นสุธรรมฤาษี เข้ามาฉุดคร่านางสีดาพาขึ้นราชรถเหาะไปยังกรุงลงกา
องก์ที่ 2 (60 นาที)
ฉากที่ 5 ทศกัณฐ์รบสดายุ
ทศกัณฐ์พานางสีดาขึ้นราชรถ มาพบกับนกสดายุที่ขวางหน้าไว้ นกสดายุเข้าขัดขวาง ในที่สุดทศกัณฐ์ถอดธำมรงค์ของนางสีดาขว้างไปถูกนกสดายุปีกหักตกจากท้องฟ้า สีดาเปลื้องผ้าสไบทิ้งลงเป็นสัญญาณให้พระรามตามมาได้ถูกทาง
ฉากที่ 6 พระรามได้พล
พระรามติดตามนางสีดามาจนถึงป่าใหญ่ และรู้ว่าทศกัณฐ์ลักนางผ่านมาทางนี้ พระรามเศร้าโศกคร่ำครวญถึงนางสีดา ได้ประทับพักผ่อนใต้ต้นหว้าใหญ่ซึ่งหนุมานแอบอยู่ พระลักษมณ์ซึ่งเฝ้าปรนนิบัติเข้าขับไล่ เมื่อพระรามทอดพระเนตรเห็นหนุมานมีลักษณะพิเศษจึงเรียกให้เข้ามาเฝ้า แล้วใช้หัตถ์ลูบหนุมานทำให้พ้นคำสาปของพระอุมากลับมีฤทธิ์ดังเดิม หนุมานรู้ว่าพระรามคือพระนารายณ์อวตาร จึงได้เข้าเฝ้าและไปนำพลวานรให้มาสวามิภักดิ์ แล้วรับอาสาออกทำศึกติดตามนางสีดา
ฉากที่ 7 สงคราม
พระราม พระลักษมณ์ พลวานรเมืองขีดขินและเมืองชมพู ยกกองทัพข้ามสมุทรมาทำสงครามกับฝ่ายทศกัณฐ์และญาติวงศ์ ในการศึกตอนหลัง ๆ ทศกัณฐ์ออกรบด้วยตนเองจนถูกศรพระราม ทำให้กาย กร เศียร บาท ขาดกระเด็นแต่เหตุที่ทศกัณฐ์ถอดดวงจิตออกจากร่าง ได้ร่ายเวทมนตร์ให้อวัยวะกลับคืนมาต่อติดดังเดิม ทั้งสองฝ่ายต่างหย่าทัพกลับเข้าเมือง
การแสดงครั้งนี้สมมุติว่าทศกัณฐ์แพ้ศึกสิ้นชีวิต จบบทบาทของฝ่ายอธรรมที่พ่ายแพ้ต่อฝ่ายธรรมะคือฝ่ายพระราม
ฉากที่ 8 เฉลิมพระเกียรติพระจักราวตาร
หลังจากสิ้นสงครามปราบฝ่ายอธรรม พระรามได้รับนางสีดากลับคืนสู่กรุงอโยธยา พระญาติวงศ์ทั้งหลายพากันออกมาเชิญเสด็จกลับคืนนคร และร่วมเฉลิมฉลองเป็นมหามหกรรมสมโภชชัยชนะ ทั้งฝ่ายข้าราชบริพารและเหล่าเทพทั้งปวงพากันมาแซ่ซ้องสาธุการ
ความพิเศษสำหรับการแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ในปีนี้ นอกจากการแสดงที่วิจิตรงดงาม เสื้อผ้า ฉากและเทคนิคพิเศษสุดตระการตากว่าปีที่ผ่านมา ยังมีนักแสดงเยาวชนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ จนมีฝีมือการร่ายรำอันงดงามถูกต้องตามจารีต ซึ่งเปรียบเสมือนต้นกล้าทางวัฒนธรรมที่พร้อมสืบทอดและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับบัตรการแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ 67 ตอน “พระจักราวตาร” ยังเปิดจำหน่ายทางไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา โดยราคาบัตรจะอยู่ที่ 2,000 บาท, 1,800 บาท, 1,000 บาท, 800 บาทและ 600 บาท ส่วนรอบนักเรียนราคา 180 บาท บัตรได้ถูกจำหน่ายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว